- เล่นฟรี (Free to Play) = เกมสามารถดาวน์โหลดไปเล่นได้ฟรีๆ แต่จะมีร้านค้าให้เติมเงินซื้อสิ่งต่างๆ ในเกมแทน (ยกตัวอย่าง Phantasy Star Online 2, Tree of Savior)
- ซื้อเล่น (Buy to Play) = คุณต้องซื้อเกมก่อนเข้าเล่นเท่านั้น แต่ซื้อครั้งเดียวก็สามารถเล่นได้ตลอดชีพ (ยกตัวอย่าง Black Desert, Elder Scrolls Online)
- เติมรายเดือน (Subscription Based) = คุณต้องเติมรายเดือนก่อนถึงจะเข้าเล่นเกมได้ และเมื่อหมดเดือนก็ต้องเติมอีกรอบเพื่อเล่นต่อ (ยกตัวอย่าง Final Fantasy XIV, World of Warcraft)
อันดับ 3 : เล่นฟรี (Free to Play)!!!
- มีผู้โหวต Free to Play แค่ 208 ครั้งเท่านั้น ซึ่งถือเป็นเพียง 10.24% จากการโหวตทั้งหมด 2,031 ครั้ง!
- หลายคนเผยว่าที่ไม่เลือก Free to Play ก็เพราะหลายเกมไม่ได้แค่เติมเงินให้มาซื้อไอเทม "ตกแต่งตัวละคร" แต่ยังถึงขั้นกลายเป็น "เทพทรู" ได้ด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาว NA/EU ไม่ปลื้มอย่างแรก (แต่ของเกม Phantasy Star Online 2 ตามรูปประกอบด้านบนไม่เน้นเทพทรูนะ!!!)
- อย่างไรก็ตาม เกมเมอร์บางคนก็มองว่า Free to Play มีข้อดีคือลองเล่นก่อนได้ยาวๆ และถ้าชอบก็ค่อยเติมซื้อไอเทมที่อยากได้
อันดับ 2 : ซื้อเล่น (Buy to Play)
- มีผู้โหวต Buy to Play มากถึง 886 ครั้ง ซึ่งถือเป็น 43.62% จากการโหวตทั้งหมด 2,031 ครั้ง!
- หลายคนเผยว่าที่เลือก Buy to Play ก็เพราะมันมีโอกาสไม่เจอ "เทพทรู" ภายในเกมนั้นๆ เลย และยังเหมาะกับเกมเมอร์ที่เล่นหลายเกม หรือไม่ค่อยมีเวลาอีกด้วย (ขณะที่แบบเติมรายเดือน ถ้าไม่ได้เล่น 1 วัน ก็อาจรู้สึกไม่คุ้มได้)
- อย่างไรก็ตาม เกมเมอร์บางคนก็มองว่า Buy to Play นั้นมีน้อยเกมมากจริงๆ ที่จะไม่เจอ "เทพทรู" แถมบางเกมก็มาพร้อมระบบร้านค้าเติมเงินไม่ต่างจาก Free to Play ยกตัวอย่าง Black Desert กับ Elder Scrolls Online
อันดับ 1 : เติมรายเดือน (Subscription based)
- มีผู้โหวต Subscription based มากถึง 937 ครั้ง ซึ่งถือเป็น 46.13% จากการโหวตทั้งหมด 2,031 ครั้ง!
- หลายคนเผยว่าที่เลือก Subscription based ก็เพราะมันจะไม่มีให้เจอ "เทพทรู" แน่นอน และเป็นผลดีต่อเกมด้วยที่จะได้กำไรทุกเดือนๆ นำไปพัฒนาอัปเดตใหม่ + ปรับสมดุลตลอดเวลา (ยกตัวอย่าง Final Fantasy XIV ที่เล่นอาชีพไหนก็รู้สึกไม่เสียเปรียบ)
- ส่วนข้อเสียก็หนีไม่พ้นด้านต้องเล่นให้คุ้มตามรายเดือนที่เติม และทำให้ไม่อยากเล่นหลายๆ เกมพร้อมกัน
ภาพจากเกม: Final Fantasy XIV