เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายท่านน่าจะได้รู้จักเกม “Shadowverse” จากค่าย Cygames กันอยู่บ้างแล้ว หรือถ้าไม่เคยก็คงได้ยินชื่อเกมอยู่บ้างไม่มากก็น้อย เพราะ Shadowverse เป็นเกมที่เปิดให้บริการบนแพลตฟอร์มมือถือมาก่อนแล้ว แต่อาจจะเพราะภาษาที่ค่อนข้างจะเข้าใจได้ยากในเวอร์ชั่นญี่ปุ่น ตัวเกมจึงไม่แพร่ออกไปในหมู่เกมเมอร์ชาวไทยมากนัก ส่วนตัวผู้เขียนเองก็คิดว่ามันเป็นเกมการ์ดทั่วๆ ไปเท่านั้น เพราะสุดท้ายเกมการ์ดเกมอื่นๆ ก็ยังดูโดดเด่นมากกว่าอยู่ดี จนกระทั่งตัวเกมได้มาลงให้กับ Steam และสื่อหลายๆ เจ้าต่างประโคมข่าวกันอย่างยิ่งใหญ่ ผมในตอนนั้นกำลังเขียนรีวิวเกมการ์ดเกมหนึ่งอยู่ จึงเกิดความสนใจและไปดาวน์โหลดตัวเกมมาเล่น(เรื่องเกิดเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา) และหลังจากนั้นผมก็ไม่ได้นอนอีกเลย~ เพราะฉะนั้นเพื่อไม่ให้เวิ่นเว้อไปมากกว่านี้เรามาดูกันดีกว่าว่าทำไมเกมเกมนี้ถึงมีเสน่ห์น่าเล่นมากกว่าเกมการ์ดเกมอื่นๆ ในปัจจุบัน
เกี่ยวกับตัวเอง
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดสำหรับ Shadowverse ก็คือ “กราฟฟิก” และ “รูปแบบการเล่น” โดยเกมเกมนี้จะมีจุดเด่นตรงกราฟฟิกที่ลายเส้นจะออกมาแนวอนิเมะของญี่ปุ่น ซึ่งจะให้ความรู้สึกถึงความละเอียด, สง่า, อลังการ, งดงาม, และยิ่งใหญ่ บวกกับที่ตัวเกมมีระบบเนื้อเรื่องที่น่าติดตาม และฉากที่มหัศจรรย์มันจึงทำให้เกมเกมนี้มีมนต์ขลังขึ้นมาในทันที นอกจากนี้เอฟเฟคของตัวเกมยังถูกออกแบบมาให้เหมาะกับการ์ดชนิดต่างๆซึ่งจะทำให้เรารู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปโดยไม่รู้ตัวได้อีกด้วย
นอกจากด้านกราฟฟิกของเกมเกมนี้จะโดดเด่นแล้ว สิ่งที่โดดเด่นยิ่งกว่าก็คือรูปแบบการเล่น เพราะเกมๆ นี้จะ ให้เราได้สร้างชุดการ์ดที่มีเอกลักษณ์และเทคนิคการเล่นแตกต่างกันถึง7 สาย อันประกอบไปด้วย “Forestcraft”สายการ์ดแห่งพงไพร ที่มีเหล่าแฟรี่เป็นผองพวก, “Swordceaft” ชุดการ์ดแห่งอัศวินและขุนนาง กับการผสานงานที่ยากจะหยั่งถึง, “Runecraft”วิถีการ์ดแห่งจอมเวทย์ ผู้เรียกคาถาทลายศัตรู, “Dragoncraft”ผู้อัญเชิญมังกร กับการระเบิดพลังที่ยากจะวัดหากถึงเวลา, “Shadoecraft”ราชาแห่งภูติผี ผู้เชิญความตามและเสพติดมัน, “Bloodcraft” สายการ์ดแห่งโลหิต เมื่อความเจ็บปวดเป็นสิ่งที่น่าพิศมัย, “Havencraft”พลังการ์ดแห่งสวรรค์ เมื่อชะตาจะเป็นตัวกำหนดทุกสิ่ง
ซึ่งอย่างที่ผมบอกไปว่าทั้ง 7 สายมีรูปแบบการเล่นที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน เช่น Dragoncraft จะมีการจับเวลาสำหรับการปลดปล่อยพลังแฝงในการ์ดของตน, Swordceaft จะมีการ์ดแบ่งเป็นสองชนิดคือทหาร และผู้สั่งการ โดยการ์ดสองชนิดนี้จะเกื้อหนุนกันไปมาในระหว่างการเล่น,หรือ Havencraft จะมีการ์ดที่มีค่า Countdownติดอยู่เยอะซึ่งค่าพวกนี้คือตัวจับเวลาสำหรับการเปิดใช้งานการ์ดต่างๆ เป็นต้นซึ่งตัวเกมจะมีการ์ดอยู่ทั้งหมด “3 รูปแบบ” ด้วยกันคือ “Follower” การ์ดมอนสเตอร์ต่างๆ,“Spell” การ์ดเวทย์มนต์, และ “Amulet” การ์ดป้อมฐาน ที่จะทำงานเหมือน Spell แต่กินพื้นที่ในสนามเหมือน Follower
และระบบที่โดดเด่นที่สุดของเกมเกมนี้ก็คือ “การวิวัฒนาการ” ที่เราสามารถวิวัฒนาการการ์ด Follower ได้ทุกใบโดยการวิวัฒนาการจะทำให้การ์ดใบนั้นๆ แข็งแกร่งขึ้น และสามารถโจมตีการ์ด Follower ด้วยกันเองได้ทันที อย่างไรก็ตามการวิวัฒนาการจะสามารถทำได้เพียงครั้งเดียวต่อเทิร์นเท่านั้น และยังมีจำนวนการวิวัฒนาการที่จำกัดอีกด้วยเพราะฉะนั้นวิวัฒนาการจึงเปรียบเป็นตัวพลิกเกมหรือตัวชี้ขาดในเกมนั้นๆ เลยก็ว่าได้
นอกจากนี้ตัวเกมยังมีโหมดให้เลือกเล่นอย่างมากมาย, มีระบบย่อยการ์ดจนไปถึงการสร้างการ์ดขึ้นมาใหม่, และระบบเควสชนิดต่างๆ ซึ่งในส่วนนี้แทบจะไม่แตกต่างจากเกมการ์ดทั่วๆ ไปเลย ยกเว้นระบบ “เปิดซอง” ของเกมเกมนี้ ที่เรามีโอกาสได้การ์ดระดับสูงบ่อยกว่าเกมอื่นๆ มาก และนั่นจะเป็นเหมือนสิ่งที่จะมาลดระยะห่างของผู้เล่นเก่าและใหม่ลงได้ระดับนึง
Shadowverse มากอิสระหลากเทคนิคแต่เป็นมิตรกับมือใหม่...
สิ่งที่น่าชื่นชมมากๆ สำหรับเกม Shadowverseก็คือการสอนผู้เล่นของตัวเกมที่จะสอนผ่านการเล่นโหมดเนื้อเรื่องซึ่งหากใครเป็นมือใหม่จ๋า ควรเล่นโหมดเนื้อเรื่องให้จบก่อน เพื่อที่จะเข้าใจว่ารูปแบบการ์ดแบบไหนเหมาะกับความชอบของเรามากที่สุด อย่างไรก็ตามตัวเกมเกมนี้ถือเป็นเกมที่มีอิสระเป็นอย่างมากสำหรับการเลือกว่าจะเล่นเกมไปในรูปแบบไหนบวกกับการ์ดต่างๆ ที่มีมนต์เสน่ห์ดูน่าเก็บสะสมด้วยแล้ว คงหวังได้เลยว่า Shadowverse คือเกมการ์ดดาวรุ่งดวงใหม่ที่จะมีอนาคตอยู่ในวงการเกมที่ยาวนานอย่างแน่นอน ส่วนสำหรับเกมเมอร์คคนไหนกำลังหาเกมการ์ดดีๆ เล่นอยู่ Shadowverse คือเกมที่คุณกำลังตามหาอยู่อย่างแน่นอน