สวัสดีผู้อ่านทุกๆ ท่านด้วยนะครับ พบกับนายมากีและทีมงาน PlayUlti กันอีกเช่นเคยนะครับ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา แฟนๆ เกมเมอร์นักล่าทั่วโลกต่างดีใจกับการเปิดให้ทดสอบ Monster Hunter: World เกมแนว Action Hunting สุดมันส์จากค่าย Capcom ซึ่งเปิดทดสอบเฉพาะเวอร์ชั่น PlayStation 4 และ สำหรับผู้ที่เป็นสมาชิก PlayStation Plus เท่านั้นนะครับ โดยบทความนี้จะเป็นการเล่าประสบการณ์ที่ได้ไปสัมผัสในช่วงการทดสอบตลอด 3 วัน ว่าผมเจออะไรบ้างในเกมและมีความประทับใจมากน้อยแค่ไหน
ออกตัวก่อนว่าผมเป็นแฟน Monster Hunter คนหนึ่งเลยนะ เพราะเล่นมาตั้งแต่สมัย PlayStation 2 จึงมีความทรงจำของซีรี่ย์นี้มาตลอด สำหรับเกม Monster Hunter: World คือการนำเอาความรู้สึกเก่าๆ กลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะการกลับมาอยู่ในอ้อมกอดของเครื่อง PlayStation อีกครั้ง หลังจากห่างหายเป็นระยะเวลา 7 ปีนับตั้งแต่ภาค Portable 3 ของเครื่อง PSP สิ่งที่เปลี่ยนปลงในภาคนี้คือกราฟฟิคที่ดูสวยงามและมีชีวิตชีวามากขึ้น สีหน้าตัวละครที่ดูเป็นธรรมชาติ เนื้อผ้าหน้าผม และ โมชั่นตัวละครที่ดูพริ้วไหวมากกว่าเดิม ถือได้ว่าเป็นภาคที่ยกระดับซีรี่ย์นี้แบบก้าวกระโดดเลยก็ว่าได้ ทำให้มันดูน่าเล่นมากขึ้นเป็นกอง
หลังจากสร้างตัวละครและแมวคู่ใจ หรือที่เราเรียกแมวว่า "Palico" กันไปแล้ว ตัวเกมจะเข้าสู่หน้าจอเลือกภารกิจ ซึ่งในช่วงทดสอบ Beta Test นี้จะมีภารกิจให้ทำอยู่ 3 ภารกิจหลักๆ ด้วยกันได้แก่
ส่วนแผนที่ภายในเกมนั้นจะมีให้เล่นทั้งหมด 2 แผนที่ด้วยกันคือ Ancient Forest [ป่าโบราณ] และ Wildspire West [พื้นที่แห้งแล้ง] โดยทุกเควสต์จะมีการจำกัดระยะเวลาอยู่ที่ 20 นาที และ ตายได้เพียงแค่ 9 ครั้งเท่านั้น เมื่อเราเข้าสู่ฉากแผนที่แล้วเราสามารถเลือกแคมป์ได้ว่าจะอยู่ตรงจุดไหนของแผนที่ได้บ้าง ส่วนตัวผมมองว่าเควสต์ให้เวลาน้อยเกินไป โดยเฉพาะผู้เล่นหน้าใหม่ แค่สำรวจแผนที่แต่ละจุดก็กินระยะเวลาไปราวๆ 10 - 15 นาทีแล้ว ใครที่ไม่ซีเรียสก็แค่มุ่งหน้าไปล่ามอนสเตอร์ของภารกิจนั้นๆ ได้เลย แต่ก็ยังรู้สึกว่าเวลาที่ให้มาน้อยอยู่ดี เพราะฉากแผนที่ของภาคนี้กว้างใหญ่และซับซ้อนพอสมควร ก็หวังว่าตัวเกมเวอร์ชั่นสมบูรณ์จะมีการเพิ่มเวลาในของภารกิจให้นานขึ้นก็เป็นได้ครับ
เมื่อเลือกภารกิจและจุดเริ่มต้นได้แล้วก็จะเตรียมความพร้อมเพื่อเริ่มภารกิจ โดยจะมีให้ปรับเปลี่ยนอาวุธได้ตามที่ต้องการกับเลือกชุดป้องกันของตัวละคร รวมไปถึงเจ้าแมว "Palico" จุดที่น่าสนใจก็คือในภาคนี้อาวุธจะมีให้เลือกใช้ทั้งหมด 14 ชนิด ไม่ว่าจะเป็นทั้งดาบ หรือ ปืน แถมชุดเกราะไม่มีการแบ่งสายเหมือนกับภาคก่อนหน้านี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผู้เล่นหน้าใหม่ที่ไม่ต้องกังวนเรื่องการจัดหาชุดเกราะให้เหมาะสมกับอาวุธที่ใช้งานอยู่ นอกจากนี้ยังเปลี่ยนเครื่องรางที่ช่วยเพิ่มสถานะตัวละคร และ ผ้าคลุมเอาไว้ใช้กับสถานการณ์ต่างๆ ได้ด้วย โดยผ้าคลุมถือว่าเป็นระบบใหม่ของภาคนี้
เมื่อข้อความ Begin Quest เริ่มต้นเวลาก็จะเริ่มจับทันที สิ่งแรกที่จะได้เห็นก็คือ "NPC The Handler" จะคอยแนะนำภารกิจที่อยู่ตรงหน้า ผมเองก็ลองสำรวจรอบๆ แคมป์ก็พบกับสิ่งที่เราไม่เคยเห็นจากภาคที่แล้ว อาทิเช่น ภายในแคมป์เราสามารถเข้าไปเพื่อเปลี่ยนอาวุธ, ชุดเกราะ และ อุปกรณ์ช่วยล่าได้ตลอดเวลา มีระบบโรงอาหารเพิ่มสเตตัสตัวละครได้เลย โดยปกติแล้วสองระบบนี้ในภาคก่อนจะทำได้เฉพาะตอนอยู่ในหมู่บ้าน หรือ บ้านตัวเองเท่านั้น ตรงจุดนี้ทำให้ผู้เล่นสามารถเตรียมความพร้อมได้ตลอดเวลา แถมยังช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้เล่นเก่าและผู้เล่นใหม่ ซึ่งตัวผมเองประทับใจในส่วนนี้มากเลยทีเดียว
ในภาคนี้แคมป์ไม่ได้มีแค่จุดเดียวเหมือนกับภาคอื่นๆ แต่จะมีแคมป์ตั้งเอาไว้อยู่ประมาณ 4 จุด ซึ่งเราสามารถเดินทางไปมาได้ตลอดเวลาด้วยระบบ Fast Travel ทีสำคัญภาคนี้จะไม่มีการโหลดฉากเหมือนกับภาคอื่นๆ อีกแล้วถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงอีกหนึ่งจุดที่น่าประทับใจอย่างมาก
ในภาคนี้ก็ยังมีให้เราได้สำรวจฉากแผนที่เหมือนเดิม ก็มีการปรับปรุงระบบในส่วนนี้ทำให้เราสามารถรู้ได้ว่าจุดไหนสามารถสำรวจแล้วเก็บไปได้ โดยในการเก็บเกี่ยวจะไม่มีอนิเมชั่นตัวละครเวลาขุดให้เสียเวลาเหมือนภาคก่อนๆ อีกแล้ว มันจะทำให้การเก็บให้ทันทีเมื่อเข้าใกล้วัตถุดิบ ที่สำคัญระบบจะทำการเก็บเพียงแค่ครั้งเดียวแล้วจะบอกว่าเราจะได้ไอเท็มชิ้นนั้นเท่าไหร่ ยกตัวอย่างเช่น เราเข้าไปเก็บ Herb ระบบจะบอกทันทีว่าเราเก็บได้กี่ต้น นอกจากนี้ถ้าเราเปิดระบบการคราฟท์ไอเท็มแบบอัตโนมัติ เมื่อเก็บไอเท็มมาแล้ว ระบบจะทำการคราฟท์ไอเท็มให้ทันที แถมการคราฟท์ไอเท็มทุกชนิดจะสำเร็จ 100% อีกด้วย ถือว่าเป็นระบบที่ปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างมาก ไม่ต้องกังวลว่าจะได้ของขยะ หรือ พก Book of Combo ให้เปลืองช่องเหมือนภาคก่อนๆ อีกแล้ว
อีกระบบที่เข้ามาใหม่ในภาคนี้คือ "Scoutflies หิ่งห้อยแกะรอยมอนสเตอร์" ที่จะคอยตรวจเช็คร่องรอยการเดินทางของมอนสเตอร์ว่าอยู่ตรงจุดไหน โดยจะเช็คได้จากการนำทางของแสงสีเขียวนำพาเราไปยังจุดต่างๆ ที่มอนสเตอร์ทิ้งเอาไว้ เช่น รอยเท้า รอยขูดไถตามพื้น หรือ น้ำลาย น้ำเมือกที่ติดตามโขดหิน เป็นต้น ซึ่งเราต้องเก็บหรือสำรวจร่องรอยเหล่านี้เพื่อตามหามอนสเตอร์ที่ต้องการได้ โดยจะมีเกจความคืบหน้าเมื่อเก็บร่องรอยเหล่านี้ได้ ถ้าหากเก็บจนเกจความคืบหน้าเต็ม เจ้า Scoutflies ก็จะพาเราไปหาตัวมอนสเตอร์นั้นทันที รวมไปถึงไอคอนปริศนาของมอนสเตอร์นั้นก็จะโผล่บนมินิแมปอีกด้วย
แต่ถ้าจู่ๆ ไปเจอมอนสเตอร์ตัวนั้นแล้วยังสามารถที่จะมาร์คจุดมอนสเตอร์ตัวนั้นบนแผนที่เพื่อสะดวกในการติดตามได้อีกด้วย ถือว่าเป็นระบบที่สำคัญที่นำมาแทนระบบ Paint Ball ที่ใช้มาร์คจุดมอนสเตอร์ หรือ ระบบโบกไม้โบกมือให้บอลลูนแบบภาคก่อนๆ แต่ก็ใช่ว่าระบบนี้จะไม่มีปัญหาเลย เพราะบางครั้งระบบ Scoutflies ก็เชื่อถือไม่ค่อยได้ จากที่เจอก็คือยังมีอาการรวนๆ อยู่บ้างเวลาติดตามมอนสเตอร์เมื่อมันย้ายพื้นที่ จนทำให้หลายครั้งมันดันพาเราหลงอยู่บ่อยๆ ดังนั้นวิธีแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดคือควรมาร์คจุดบนแผนที่อยู่ตลอดเวลาเมื่อเจอมอนสเตอร์ที่ต้องการจะล่าครับ
อย่างที่ผมได้อธิบายในช่วงแรกว่าแผนที่ในภาคนี้มีขนาดใหญ่ และ มีความซับซ้อนมากๆ ในแผนที่แต่ละจุดจะมีการแบ่งระดับชั้นสูงต่ำ กับ สภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันอย่างมาก จึงทำให้ไปช่วยเพิ่มความสมจริงให้กับตัวเกมมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น บางจุดเป็นพื้นที่ลาดชันเราสามารถสไลด์ลงไปยาวๆ ได้เลย, พื้นที่เป็นน้ำเราสามารถว่ายข้ามไปได้ หรือ เถาวัลย์ภายในฉากเราสามารถห้อยโหนไปตามจุดต่างๆ ได้ด้วย
รวมไปถึงโขดหินและต้นไม้ภายในเกมเราสามารถสร้างเป็นเครื่องป้องกันภัย [กับดัก] จากมอนสเตอร์ได้ด้วย เพราะถ้าทำสำเร็จมันจะสร้างความเสียหายอย่างรุนแรง อาทิเช่น เขื่อนที่อยู่ชั้นสูงสุดของด่าน Ancient Forest เมื่อมอนสเตอร์ไปทำลายเขื่อมนั้น น้ำจะพัดมันตกลงไปชั้นล่าสุดของแผนที่ ซึ่งเราสามารถกระโดดลงไปโจมตีได้ หรือ มอนสเตอร์ทำลายต้นไม้จนเถาวัลย์กองเต็มพื้น หากมอนสเตอร์ตัวนั้นเหยียบลงไป ก็จะกลายเป็นกับดักยึดตัวมอนสเตอร์ให้เราโจมตีมันได้ เป็นต้น ถือได้ว่านี่เป็นมิติใหม่ในการวางกุลยุทธ์ที่ต่อสู้กับมอนสเตอร์ได้หลากหลาย แถมมันมีผลกับมอนสเตอร์ทุกประเภทอีกด้วย
ในช่วงการทดสอบ Beta Test จะมีมอนสเตอร์ให้เราได้ล่าในภารกิจทั้งหมด 3 ตัวด้วยกันได้แก่ Great Jagras อาศัยอยู่ที่ Ancient Forest, Barroth อาศัยอยู่ที่ Wildspire Waste และ Anjahnath อาศัยอยู่ที่ Ancient Forest แต่นอกเหนือจากนี้ก็ยังมีมอนสเตอร์สุดโหดที่จะปรากฎตัวในฉากเหล่านี้ด้วย อย่าง Rathalos จะไปปรากฎตัวที่ Ancient Forest, Diablos จะไปปรากฎตัวที่ Wildspire Waste และ Jyuratodus จะไปปรากฎตัวที่ Wildspire Waste แล้วตัวผมเองก็พึ่งทราบว่ามันมีมอนสเตอร์ลับอีกตัวนั้นก็คือ "Pukei Pukei" จะปรากฎตัวที่ Ancient Forest แต่โอกาสที่จะเจอก็ยากมาก
มาพูดถึงการเล่นแบบโหมดคนเดียว [Single-Player] กันหน่อย ความยากจะลดลงมาหน่อย แต่ถ้าหากเล่นแบบออนไลน์ [Multiplayer] ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปความยากจะเพิ่มขึ้นทันที เรียกว่ายากมากกว่าเล่นคนเดียวมากๆ แถมถ้าหากเพื่อนในปาร์ตี้ของเราหลุดออกจากเกมไป ความยากก็ไม่ได้ลดลงด้วยนะครับ และถ้าหากจัดอันดับความยากของมอนสเตอร์ในมุมมองของผมก็ขอไล่จากระดับง่ายสุดไปยากสุดก็แล้วกัน Great Jagras > Barroth > Jyuratodus > Diablos > Rathalos ส่วน Pukei Pukei ผมเองยังไม่เคยเจอจึงไม่สามารถบอกได้ว่ามันยากระดับไหนครับ
สำหรับเกม Monster Hunter: World โหมดออนไลน์ [Multiplayer] ถือหัวใจหลักของเกมนี้เลยก็ว่าได้ โดยโหมดนี้รองรับผู้เล่นสูงสุด 4 คน เล่นออนไลน์ในรูปแบบ Co-op ไม่มีโหมด PvP หรือ PK ต่อสู้กันเองนะครับ เน้นความสามัคคีล้วนๆ จากที่ได้ลองในช่วงทดสอบผู้เล่จะต้องสร้างห้องในโหมดออนไลน์ [Multiplayer] ให้เรียบร้อย หลังจากนั้นก็เลือกภารกิจ ผู้เล่นคนอื่นที่จะจอยเข้าห้องจะต้องทำการ Search by Quest ID ของผู้ที่สร้างห้องก่อนถึงจะเล่นด้วยกันได้ หรือถ้าในกรณีอยากเล่นออนไลน์แต่ไม่มีเพื่อน ก็สามารถทำการ Matchmake เพื่อให้ระบบหาห้องแบบอัตโนมัติ หรือ Search by Criteria เพื่อค้นหาห้องตามรายการห้องต่างๆ ได้ครับ แต่จากที่ลองระบบ Quest ID ก็ยังมีปัญหานิดหน่อย คือบางครั้งใส่ถูกต้องแล้วกลับไม่สามารถเข้าได้ แถมรหัสจะมีการผสมทั้งตัวเล็กและตัวใหญ่ ดังนั้นต้องกรอกให้ถูกต้องไม่งั้นจะเล่นกับเพื่อนไม่ได้นะ
แม้จะเป็นช่วงเวลาทดสอบจะเพียงแค่ 3 วันเท่านั้นในการทดสอบ Monster Hunter: World สิ่งที่ได้รับกลับมาคือประสบการณ์การล่าที่ยังคงมีเสน่ห์ ให้ความรู้สึกคิดถึงและความประทับอย่างบอกไม่ถูก แถมในภาคนี้ก็มีการเพิ่มระบบใหม่ ปรับปรุงระบบเก่าๆ ให้ดีขึ้น ทำให้รูปแบบการเล่นเป็นมิตรกับผู้เล่นหน้าเก่าและหน้าใหม่ได้ดี ถึงแม้ว่าตอนทดสอบจะเจอปัญหาอยู่บ้างนิดๆ หน่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ลดทอนความสนุกที่เล่นเกมนี้ลงไปเลย ส่วนความลื่นไหลของเกมนี้ผมใช้ PlayStation 4 เฟรมเรตอยู่ที่ 30fps แถมนิ่งตลอดเวลา อาจจะมีแกร่งขึ้นเป็น 40 - 60 ในบางจังหวะ แต่มันก็ไม่ตกหล่นไปมากกว่านี้ ทุกครั้งที่ล่าผมประทับใจมาก ทั้งความยากง่ายของเกม และ องค์ประกอบอื่นๆ บอกเลยว่านี่คือการกลับมาอย่างสมเกียรติ และ การรอคอยของเราชาวนักล่าจริงๆ
หลังจากจบการทดสอบสิ้นสุดลงก็คงรอกันอีกนิดหน่อย เพราะตัวเกม Monster Hunter: World มีกำหนดวางจำหน่ายในวันที่ 26 มกราคมที่จะถึงนี้บนเครื่อง PlayStation 4 และ Xbox One ส่วนเวอร์ชั่น PC มีให้เล่นแน่นอน แต่ยังอยู่ในช่วงการพัฒนาและพอร์ทกันอยู่ เวลานี้ยังไม่มีการประกาศวันวางจำหน่ายนะคะ คาดว่าเวอร์ชั่นนี้จะได้เล่นกันประมาณ 6 เดือนเป็นอย่างน้อย หลังจากที่วางจำหน่ายเวอร์ชั่นคอนโซล สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านและติดตามกันมา หากอยากติดตามเพิ่มเติมสามารถเข้าไปชมรายการ “รู้ไว้ไม่ต้องถาม” ที่ทีมงานทำขึ้นมาในช่อง Youtube/Playulti.com กันได้ หรืออยากจะพูดคุยติดตามผลงานการล่าของผมนายมากี ติดตามได้บน Twitch ที่ Makee10507 ครับ สำหรับวันนี้ผมขอตัวลาไปก่อนแล้วเจอกันเมื่อเกมวางจำหน่ายแล้วครัช