พูดถึงเกมแฟรนไชส์ เราอาจจะรู้จักหลักๆอยู่ไม่กี่เกม เพราะเป็นเกมที่สร้างชื่อเสียง หรือโด่งดังมากๆให้กับค่ายเกมนั้นๆ เรียกว่าเป็นคู่บุญกันเลยทีเดียว ยกตัวอย่างเช่น
Activision ที่มี Call of Duty , EA ที่มี Battlefield หรือ Ubisoft ที่มี Assassin's Creed และอื่นๆ หลักๆแล้วจะมีสามค่ายนี้ที่มักจะออกเกมกันแบบรายปีในแฟรนไชส์ของตัวเอง แต่การออกเกมแบบรายปี ภาคต่อภาคแบบนี้ จริงอยู่ว่าเราจะได้เล่นเกมกันอย่างต่อเนื่องไม่มีขาด แต่เอาจริงๆแล้วมันก็มีหลายอย่างที่ดูจะไม่เวิร์คเหมือนกัน วันนี้เราจะมาพูดคุยประเด็นนี้กันครับ
ระยะเวลาในการพัฒนาเกมปีต่อปี ถือว่าเป็นอะไรที่กระชั้นชิดพอสมควรอยู่แล้ว หลายคนอาจจะมองว่านานแต่จริงๆการผลิตเกมออกมาสักเกมนี่ไม่น่าจะใช้เวลาสั้นๆเพียงแค่ปีหรือสองปีก็เสร็จ ดังนั้นคิดว่าการที่จะออกเกมแบบปีต่อปีได้จะต้องมีแผนการพัฒนาล่วงหน้ามาพอสมควรแล้ว ยกเว้นแต่จะเกิดปัญหาฉุกเฉินจริงๆจึงต้องเลื่อนออก ตัวอย่างเกมที่ออกรายปีเช่น Assassin's Creed ที่หลังจากล้มเหลวแบบหน้าแหกไปในภาค Unity เมื่อปี 2014 ก็รีบเข็นภาคใหม่ออกมากู้หน้าในปี 2015 นั่นคือภาค Syndicate หรืออย่างเช่น Call of Duty และ Battlefield ที่ออกกันปีละภาค (มีปีที่แล้วที่ Battlefield ทิ้งช่วงไป)
ปัญหาอยู่ที่เกมที่ออกรายปีแบบนี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างในแต่ละภาค และมันจะคุ้มค่า คุ้มเงินพอจะให้เราเสียเงินไปกับมันหรือไม่ เพราะกระแสนี้เกิดขึ้นเมื่อตอนที่ Assassin's Creed: Odyssey ได้เปิดตัวในงาน E3 2018 ที่ผ่านมา มีหลายเสียงมากที่บอกว่าเกมแทบจะไม่ต่างอะไรกับภาค Origins เลย ทั้งเอนจิ้นเกม ระบบเกม กราฟิก หรืออื่นๆ แล้วทำไมจะต้องเสียเงินซื้อใหม่ เพียงเพราะมันเป็นเนื้อหาใหม่ในภาคใหม่ด้วย ? ต่างกับตอนภาค Syndicate มา Origins ที่ใช้เวลาถึง 2 ปี และตัวเกมก็ออกมาดีงามสมกับการรอคอยที่หายไปพัฒนาถึง 2 ปี
ส่วนมากแล้วเกมที่ออกปีต่อปี อาจจะต้องพัฒนาแบบติดๆกันเลย ทำให้เป็นไปได้ยากในการเปลี่ยนเอนจิ้นเกมหรือปรับเปลี่ยนกราฟิกให้สวยงามขึ้น ดังนั้นส่วนมากสิ่งที่จะต้องเปลี่ยนแปลงการนำเสนอจึงอาจจะต้องเป็ฯเกมเพลย์ที่จะต้องทำออกมาให้แตกต่างกัน ไม่เช่นนั้นก็อาจจะโดนแฟนๆกล่าวหาว่าเอาของเก่ามาหากินใหม่ก็เป็นไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Call of Duty: Black Ops 4 ปีนี้ที่ดูจะไม่เห็นความแตกต่างเท่าไรนัก แต่มันก็ยังมีความน่าเล่นอยู่ในตัวของมันตามเดิม หรืออย่างเช่นล่าสุดของ Battlefield ที่ห่างหายไปถึง 2 ปี ก็กำลังจะกลับมาใน Battlefield V
และการเว้นช่วงยังมีอีกปัจจัยหนึ่งให้น่าคิด นั่นคือเกมที่สนับสนุนโหมดการเล่นแบบ Multiplayer Online ถ้าเกมไหนเน้นสนับสนุนโหมดการเล่นนี้เป็นหลัก ยิ่งภาคต่อใช้เวลาออกห่างไปมากเท่าไร ตัวเกมในโหมดออนไลน์ก็จะยิ่งมีอายุยาวนานมากยิ่งขึ้น และทีมงานก็ต้องแบ่งกำลังมาสนับสนุน อัพเดท แก้ไขบัคอยู่ตลอดเวลา เหมือนกับ Battlefield 1 ตอนนี้ที่น่าจะหมดอายุการอัพเดทแล้ว และทีมงานก็เตรียมหันไปทุ่มเทให้กับ Battlefield V แทน นี่คืออีกข้อนึงที่การเว้นช่วงออกเกมภาคต่อค่อนจ้างจะเป็นข้อดีอยู๋เหมือนกัน เพราะคนจะได้ไม่ต้องเสียเงินบ่อยๆเพียงเพราะชอบโหมดออนไลน์ของเกมนั้นๆ แต่พอมีภาคใหม่เลยต้องย้ายตามกันไป เพราะทีมงานหยุดสนับสนุนตัวเกมภาคเก่าแล้วและตามที่กล่าวไปข้างต้นนั่นล่ะครับ ใช่ว่าการออกเกมปีละภาคมันจะไม่ดี เพราะอย่างน้อยเราก็ได้เล่นเกมใหม่ (เสียเงิน) กันแบบรายปี แต่ก็จะเป็นงานหนักของผู้พัฒนาเหมือนกัน เพราะจะต้องทำการบ้านอย่างหนักเลยทีเดียวในการปรับปรุงเกมเพลย์ให้ดูน่าสนใจมากขึ้นแบบปีต่อปี แล้วผู้เล่นล่ะครับ ? อยากให้เกมออกแบบรายปี หรือพักช่วงให้ทีมงานกลับไปพัฒนาบ้าง ลองเสนอความเห็นกันมาดูนะครับ ^^