ชั่วโมงนี้ปฎิเสธไม่ได้เลยนะครับว่าเราอยู่ในยุคสมัยมีเกมอินดี้ให้เล่นเยอะมากๆเรียกว่าสตูดิโอหน้าใหม่นี่ต่อคิวแจ้งเกิดกันทุกวันผุดขึ้นมายังกับดอกเห็ดซึ่งนั่นก็เป็นโอกาสให้นักพัฒนาเกมที่กำลังหางานอยู่มีตัวเลือกมากขึ้นด้วยแต่กลับกันก็มีนักพัฒนาบางส่วนที่ไม่เลือกเข้าทำงานกับบริษัทเหล่านี้และหันไปฉายเดี่ยวทำเกมของตัวเองแทนวันนี้เราจะไปดูกันครับว่าอะไรมันดลใจให้พวกเขาเหล่านี้เลือกที่จะฉายเดี่ยวแทนที่จะเข้าทำงานกับบริษัทผู้พัฒนาเกมโดยผู้คนส่วนมากนั้นมองว่านักพัฒนาเหล่านี้ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ยากแต่มันก็ดูจะเหมารวมกันเกินไปซักหน่อย ทางเว็บไซต์ Games in Asiaเลยไปจับเข่าคุยกับสองนักพัฒนาชาวสิงคโปร์เพื่อสอบถามถึงเหตุผลที่พวกเขาเลือกฉายเดี่ยวมาให้ได้อ่านกันครับ
แรงกดดันจากทางบ้าน
เคสแรกทาง Games inAsia ได้ไปจับเข่าคุยกับนักพัฒนาเกมวัย 26 ปี คุณ Keh Chin Leong ที่เพิ่งจะปล่อยเกม Side Scroll Shooterที่มีชื่อว่า We Are Not Aloneให้โหลดกันในระบบ Android โดยมีที่ปรึกษาเป็นบริษัท IT แห่งหนึ่งเขาเริ่มสร้างเกมนี้ตั้งแต่ปี 2011ในช่วงที่เขากำลังศึกษาอยู่ในระดับมหาวิทยาลัยและในที่สุดก็ทำมันสำเร็จในอีก 4 ปีให้หลัง
Kehเล่าให้ฟังว่าช่วงชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยเขาใช้เวลาช่วงสุดสัปดาห์แทบจะทั้งหมดทุ่มให้กับการพัฒนาเกมอย่างเดียวเลยและจนถึงตอนนี้มันก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่แล้วหลังจากที่เขาเรียนจบและเริ่มทำงานมันก็ยิ่งลำบากขึ้นไปอีกเพราะงาน���องเขามันต้องทำในช่วงสุดสัปดาห์ด้วยนอกจากนั้นเขายังค้นพบว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะหาใครซักคนที่ไว้ใจได้มาเติมเต็มในสิ่งที่เขาต้องการและจนถึงตอนนี้ที่เกมออกมาให้เล่นกันแล้ว มันก็ยังขาดฟีเจอร์หลักๆของมันอยู่ เช่นโหมดการเล่นแบบ Multiplayer ซึ่งตอนนี้ Kehก็กำลังพัฒนาในส่วนนี้
ดูเหมือนการฉายเดี่ยวสำหรับ Kehนั้นแทบจะไม่มีข้อได้เปรียบหรือข้อดีอะไรเลยแล้วทำไมเขาถึงเลือกทางนี้ Kehเล่าต่อไปว่าเขามีแผนที่จะเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองในสิงคโปร์อยู่แล้วแต่การหาพาร์ทเนอร์ที่ใช่มาร่วมงานด้วยนั้นเป็นอะไรที่ยากแถมตัวเขายังขาดประสบการณ์ด้านการพัฒนาเกมเข้ามาเป็นอุปสรรคอีกนอกจากนั้นอุปสรรคที่สำคัญอีกอย่างนึงก็คือเขาไม่ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวนั่นเองKehย้อนอดีตให้ฟังอีกว่าสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเขาเลือกที่จะเรียนต่อด้านIT แทนที่จะเป็นด้านเกมเพราะเมื่อพิจารณาจากผลการเรียนของเขาแล้วมันเป็นหลักสูตรเดียวที่เขาจะเรียนได้แถมจบมาแล้วเขาก็ยังทำงานในสายงาน IT ต่อ ไม่ได้ย้ายมาสายเกมเต็มตัวKehบอกว่าเขาแทบไม่มีความคิดที่จะไปเรียนสายเกมเลยเพราะคิดว่าอุตสาหกรรมเกมในสิงคโปร์มันไม่ได้เป็นที่นิยมมากนักแถมยังหางานที่มั่นคงได้ยากอีกต่างหากนอกจากนั้นเขายังเล่าอีกว่าตอนนี้เขาได้เงินมาก็ต้องแบ่งให้ที่บ้านด้วยและเขาก็ยังคงมองหางานที่ทำให้รายได้ของเขามั่นคงกว่าที่เป็นอยู่
มีเป้าหมายส่วนตัว
มาถึงเคสที่สองครับGames in Asia ได้ไปจับเข่าคุยกับคุณ OriTakemura หนึ่งในทีมพัฒนาเกม Puzzle ที่มีชื่อว่า Shapist และยังเป็นผู้ก่อตั้งสตูดิโอ Qixen-P Design อีกด้วย ซึ่งหลังจากปล่อย Shapistที่เขากับเพื่อนได้ร่วมกันพัฒนาออกมาแล้วเขาก็ได้แยกออกมาฉายเดี่ยวเต็มตัวครับ
Takemura เล่าว่าบางครั้งเขาเองก็อยากลองอะไรใหม่ๆ บางทีก็ทำอะไรบ้าๆแล้วก็เปลี่ยนคอนเซ็ปต์มันอยู่นั่นแหละจุดมุ่งหมายก็เพื่อให้มันเข้ากับตัวผลิตภัณฑ์ให้มากที่สุดเขาอยากได้ประสบการณ์เกี่ยวกับการออกแบบและอารมณ์ของมนุษย์ส่วนเรื่องเงินนี่เอาไว้ว่ากันทีหลังซึ่งการที่จะทำให้มันเกิดขึ้นได้ก็มีอยู่สองทางคือเขาต้องไปหานักพัฒนาเกมที่มีPassion ในแบบที่เขามี ประมาณว่าเคมีเข้ากันได้หรือไม่งั้นก็ลงมือทำมันด้วยตัวเองนี่แหละและตัวเลือกของเขาก็คืออย่างหลัง
หลังจากปล่อย Shapistออกมาแล้ว Takemura ก็ย้ายตัวเองไปฉายเดี่ยวกับเกมที่มีชื่อว่าAbout a Sheep ซึ่งก็แน่นอนว่ามันยังเป็นเกมPuzzle อยู่นะแต่มีความท้าทายมากขึ้นสำหรับเขาเพราะการฉายเดี่ยวครั้งนี้หากมีจุดไหนที่เขาขาดทักษะหรือความรู้ความเข้าใจไปมันก็อาจจะส่งผลให้การพัฒนาทั้งโปรเจ็กต์เกิดการชะงักได้ แต่กระนั้นTakemura ก็ไม่ได้บอกว่าเขาจะไม่หาพาร์ทเนอร์ซะหน่อยและตอนนี้เขาก็กำลังมองหาอยู่ Takemura พูดถึงเรื่องนี้ว่าถึงแม้การฉายเดี่ยวจะดูคล่องตัวก็จริงแต่ถ้ามีคู่หูที่เคมีเข้ากันได้มาร่วมทีมมันก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่และมันจะดีมากหากใครคนนั้นอยู่ในสิงคโปร์เพราะเขาเชื่อว่าการใช้เวลาร่วมกันในการทดสอบเกมนั้นเป็นอะไรที่สำคัญมากอย่างตอน Shapistนี่ทำไม่ได้เพราะมีทีมพัฒนาอีกส่วนนึงอยู่ที่รัสเซีย
และนั่นก็เป็นสองตัวอย่างสองเหตุผลของนักพัฒนาเกมชายเดี่ยวนะครับประเด็นครอบครัวนี่คล้ายๆ สังคมบ้านเราอยู่เหมือนกันส่วนเป้าหมายส่วนตัวนี่ก็อินดี้สุดๆ กันไปเลย แล้วตัวเราล่ะถ้าเกิดวันนึงได้ทำเกมขึ้นมา จะอยากทำเป็นทีมหรืออยากเป็นนักพัฒนาชายเดี่ยว ?
ข้อมูลจาก Games inAsia