ผ่านไปเกือบ 2 ปี หลังจากภาค Payback ที่โดนคำวิจารณ์ต่างๆ นาๆ ถึงเรื่องของระบบ Microtransaction เจ้าปัญหา และระบบกาชาที่พาตัวเกมนั้นเสียสูญไปพอตัว ครั้งนี้ EA ขอแก้ตัวอีกครั้งกับการปรากฏตัวภาคใหม่ของ Need For Speed ผลงานเกมแข่งรถคู่บุญของค่าย ที่คราวนี้กลับมาสู่จุดที่มันควรจะเป็นกับรูปแบบการแข่งขันในแบบผิดกฏหมาย และเดือดดาลยิ่งกว่าภาคก่อนๆ ในชื่อสุดร้อนแรงว่า Need For Speed HEAT
เรื่องย่อ
เนื้อหาของภาคนี้เกิดขึ้นที่เมือง Palm City เมืองที่เต็มไปด้วยชายทะเลอันสวยงาม บรรยากาศบ้านเมืองสุดหรู และที่สำคัญเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยนักซิ่งข้างถนนหลากหลายชีวิตด้วยกัน เรียกว่าเป็นสวรรค์ของนักซิ่งโดยแท้จริง แต่แล้วสวรรค์นั้นกำลังจะล่ม เมื่อหมวด Frank Mercer ได้ประกาศกร้าวว่า เหล่าตำรวจทุกนาย จะพยายามใช้กฏหมายเพื่อกำจัดเหล่านักซิ่งข้างถนนให้หมดไปจากเมือง และทำให้เหล่านักซิ่งจากแก๊งค์ต่างๆ ต้องล้มเลิกการเป็นนักซิ่งไปตลอดกาล Ana และ Lucas Rivera สองพี่น้องแก๊งค์ซิ่ง พยายามจะรวมทีมซิ่งอีกครั้ง เพื่อให้ค่ำคืนสุดมันส์ของการแข่งรถนั้นกลับมามีชีวิตชีวา โดยผู้เล่นซึ่งก็คือเราเป็นส่วนหนึ่งในการรวบรวมแก๊งค์ซิ่งของพี่น้อง Rivera ออกตระเวนซิ่งทั่วเมือง Palm City เพื่อท้าทายอำนาจกฏหมาย และประกาศศักดาว่าจะเป็นสุดยอดแก๊งค์ซิ่งของเมืองนี้ให้ได้
Gameplay
เรื่องของระบบเกมนั้นยังคงเป็นเกมแนว Racing ที่ใช้ธีมของ Street Racing หรือการแข่งรถใต้ดินอยู่เหมือนเดิม แตกต่างตรงที่ ตัวเกมมีระบบให้เลือกเล่น 2 ช่วงเวลา นั่นคือกลางวันและกลางคืน โดยกลางวัน ผู้เล่นจะต้องแข่งรถในรายการแข่งชื่อ Speed Hunter ซึ่งเป็นการแข่งขันที่ถูกกฏหมาย เพื่อเอาชนะและสะสมเงินรางวัลไว้ซื้อรถหรืออัพเกรดตกแต่งรถได้ และช่วงเวลากลางคืน จะเป็นช่วงเวลาที่ให้ผู้เล่นได้แข่งขันในรายการแข่งรถแบบผิดกฏหมาย เพื่อสะสมค่าชื่อเสียงหรือ Reputation Point ไว้สำหรับปลดล็อกรถและอุปกรณ์แต่งต่างๆ แต่ทว่าการแข่งในช่วงกลางคืนนั้นจะพิเศษหน่อยตรงที่ จะมีตำรวจคอยลาดตระเวนไปตามท้องถนนต่างๆ หากพบเห็นเราขับซิ่งหรือหาเรื่องตำรวจก่อน มันจะตามล่าเราทันที ซึ่งการไล่ล่าหรือตามล่านี้ ก็จะได้รับค่าชื่อเสียงนี้ได้อีกด้วย ขณะเดียวกัน ถ้าหากโดนจับ ค่าชื่อเสียงของเราจะลดน้อยลง ดังนั้นยิ่งเสี่ยงมากเท่าไหร่ โอกาสในการได้รับค่าชื่อเสียงก็มีมากขึ้นเท่านั้น ถือว่าเป็นระบบที่มีความแตกต่างจากภาคก่อนๆ อย่างสิ้นเชิง ซึ่งจะได้สัมผัสบรรยากาศของการแข่งขันใน 2 ช่วงเวลา ทำให้รู้สึกถึงความหลากหลายของการแข่งขันเป็นอย่างมาก
ด้านระบบการตกแต่งของเกมนี้ จะไม่มีระบบสุ่มการ์ดค่าอัพเกรดให้เกลือเล่นเหมือนอย่างภาค Payback อีกต่อไป ครั้งนี้จะให้แต่งสมรรถนะอย่างเต็มที่ แต่การตกแต่งนั้นอุปกรณ์แต่งต่างๆ จะยังถูกล็อกอยู่ในช่วงแรก การจะปลดล็อกอุปกรณ์แต่งได้ก็จะต้องใช้ค่า REP จากการขับรถตอนกลางคืน ซึงถ้าปลดล็อกและเก็บเลเวลของ REP ได้อุปกรณ์แต่งรถก็จะยิ่งมีระดับที่สูงขึ้นไปอีก ซึ่งถือว่าเป็นการเรียกระบบการแต่งรถที่คุ้นเคยจากภาคก่อนได้เป็นอย่างดี และสำหรับใครที่ไม่ชำนาญในการแต่งหรือจูนรถ ภายในเกมมีระบบแต่งรถทั้งเซ็ตซึ่งระบบจะสามารถปรับระดับของอุปกรณ์จูนรถให้เหมาะสมกับรถที่ใช้ขับอยู่ ทำให้ผู้เล่นที่อยากขับแต่ไม่สนการแต่งรถสามารถสนุกกับมันได้ นอกจากนั้นผู้เล่นยังสามารถปรับแต่งตัวละครของเราด้วยเสื้อผ้าและเครื่องประดับให้ดูเท่และเจ๋งเหมาะสมกับรถที่ใช้ขับได้อีกด้วย
"ไม่มีระบบกาชาสุ่มค่าพลังให้กวนใจเล่นแล้ว อยากแต่งแรงแค่ไหนจัดไปเต็มที่"
ด้านของสนามแข่ง โดยหลักของเกมจะเน้นหนักในเรื่องของ Circuit ที่แข่งเป็นรอบๆ และ Sprint แข่งเป็นทางตรงยาว รวมไปถึงยังมีเนื้อเรื่องของตัวละครให้ผู้เล่นได้ติดตามเรื่องราวของเกมได้มากขึ้น รวมไปถึงในการขับสำรวจตามเมืองต่างๆ ก็จะมีจุดอีเว้นท์ต่างๆ ให้ผู้เล่นได้ทำและสะสมเพื่อปลดล็อกรถพิเศษ ยกตัวอย่างเช่นกล้องจับความเร็ว พุ่งชนป้ายบิลลอร์ด หรือแม้แต่เก็บสีสเปรย์เพื่อปลดลายแต่งรถต่างๆ เป็นต้น
ในด้านของการไล่ล่าตำรวจซึ่งเป็นจุดไฮไลท์สำคัญของภาคนี้ โดยระบบการไล่ล่ามีความใกล้เคียงกับภาคก่อนๆ อย่าง Most Wanted ผสมกับ Hot Pursuit ซึ่งถ้าขับรถไปชนหรือไล่ล่ากับตำรวจ จะมีเลเวลที่เรียกว่า HEAT เป็นตัวคูณค่า REP ซึ่งถ้าหากยื้อการไล่ล่าได้นาน และสร้างความเสียหายกับตำรวจได้เยอะ ค่า HEAT ก็จะยิ่งเพิ่มและคูณไปเรื่อยๆ ซึ่งยิ่งคูณมากเท่าไหร่ความเสี่ยงในการหลบหนีจากการไล่ล่าก็จะยิ่งยากขึ้นเท่านั้น และถ้าหากหลบหนีไม่สำเร็จไม่รอดจากการไล่ล่า ค่า REP ที่สะสมมาก็จะลดลงไปอย่างมาก และถ้าอยากไม่อยากจะหนีตำรวจให้เหนื่อย ตัวเกมยังมีระบบจ่ายส่วยหรือสินบนให้กับตำรวจเพื่อให้รอดจากการไล่ล่าได้อีกด้วย
Graphic
ยังคงใช้กราฟฟิกเอนจิ้น Frostbite เหมือนเดิม ดีไซน์ Palm City ที่อ้างอิงมาจากเมือง Miami ของสหรัฐอเมริกาได้สวยงาม การแสดงแสงสี ทำออกมาได้ดูมีสีสัน แถมมีระบบ Dynamic ที่ปรับเปลี่ยนสภาพอากาศทั้งแดด และฝนออกมา ซึ่งมันจะมีผลต่อการขับขี่อีกด้วย แม้ว่ากราฟฟิกจะยังคงใช้ของเดิมอยู่ แต่การแสดงผลก็ทำออกมาได้ค่อนข้างน่าประทับใจมากๆ
จุดสังเกต
แม้ว่าจะหยิบยกเอาระบบจากภาคก่อนๆ มาใช้ และเพิ่มลูกเล่นมาอีกนิดหน่อย แต่สิ่งที่น่าเสียดายคือ หมวดการแข่งขันนั้นมีไม่หลากหลายเท่าที่ควร ทำให้รู้สึกน่าเบื่อไปบ้าง อีกทั้ง AI ค่อนข้างจะเก่งเกินไปหน่อย แม้ว่าจะปรับระดับความยากในโหมด Medium ก็ตาม และสำหรับใครที่ชอบเพลงประกอบของซีรี่ส์นี้ อาจจะผิดหวังสำหรับบางคน เพราะเพลงประกอบในภาคนี้เน้นหนักแนวเพลง Hiphop ที่เป็นจังหวะ Trap และสไตล์ละตินอเมริกันค่อนข้างเยอะ เลยทำให้ไม่ค่อยเป็นที่จดจำเท่าไหร่นัก
สรุป
มันเป็นการกู้หน้าของซีรี่ส์เกมแข่งรถคู่บุญของ EA ที่ค่อนข้างเสมอตัว ระบบต่างๆ จากภาคก่อนถูกเอามาขัดเกลาและทำให้มีลูกเล่นมากขึ้น Need For Speed HEAT จึงเป็นเกมแข่งรถในปี 2019 ที่ถือว่าสอบผ่านในความเป็นซีรี่ส์ดั้งเดิมอย่างที่มันควรจะเป็น ถ้าใครมองหาเกมแนวแข่งรถมันส์ๆ สนุกๆ ขอแนะนำให้ไปลองกัน และขอขอบคุณ Sicom Amusement ที่มอบเกมนี้ให้ได้ทำรีวิวกันด้วยนะครับ
