ช่วง 2 - 3 เดือนมานี้ เครื่องเกม Nintendo Switch จากค่ายของปู่นิน น่าจะสร้างความลังเลเป็นอย่างมาก ว่าเราควรจะซื้อมาเล่นดีไหม หรือจะไปซื้อเครื่องเกมอื่นก่อนดีกว่า แน่นอนว่าหลายคนก็หลายเหตุผล ไม่ว่าจะเป็น "เกมของปู่นินดูเด็กไป", "เกมน้อย", "มอนฮันภาคใหม่ลง PS4" และอีกหลายๆ เรื่องเป็นต้น และนั่นมันก็เกิดประเด็น และสงครามน้ำลายขึ้นมาหลายๆ ที่ และหลายบอร์ดทีเดียว ระหว่างแฟนๆ ของปู่นิน และ Sony ว่าเครื่องเกมเครื่องไหนกันแน่ที่ปังกว่ากัน
แน่นอนว่าหากเราเอายอด Nintendo Switch มาชนกับ PlayStation 4 ตอนนี้มันคงทำไม่ได้ แต่ถ้าเปรียบเทียบช่วงเวลาทั้ง 2 ในตอนวางขาย หรือตอนเกมดังๆ ออกเรายังพอสามารถทำได้อยู่ และต่อไปนี้คือข้อมูลจากในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นต้นทางของแหล่งกำเนิดเครื่องเล่นเกมทั้ง 2 ว่าใครจะทำรายได้ได้ดีกว่ากัน โดยจากภาพข้างบนเป็นช่วง 7 สัปดาห์แรกที่เครื่องวางขาย แน่นอนว่า Nintendo Switch สามารถทำยอดขายได้สูงกว่า PlayStation 4 อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งมากกว่าเกือบ 2 เท่าทีเดียว ในช่วงหลังๆ
ส่วนภาพข้างบนนี้เป็นช่วง 16 สัปดาห์ของเครื่องเกมทั้ง 2 และเป็นช่วงที่เกม Metal Gear Solid V: Ground Zeroes, และ Final Fantasy XIV บนเครื่อง PlayStation 4 ออก ส่วนของฝั่ง Switch จะเป็นเกม Mario Kart 8 Deluxe ซึ่งเมื่อมาเปรียบเทียบยอดขายที่เกมเหล่านี้วางจำหน่าย เราก็ยังเห็นได้อย่างชัดเจนว่า เครื่อง Nintendo Switch ยังคงตีโจทย์ของเหล่าผู้เล่นชาวญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากนำ Switch ไปเทียบกับ Wii และ Wii U ในอดีตกับพบว่ายอดขายของ Switch ยังตามหลัง Wii อยู่เป็นอย่างมาก เพราะถ้าเทียบกัน 16 สัปดาห์ ที่เครื่องเกมสามารถตีล้านแตกได้ ทาง Wii กลับสามารถทำได้ไปถึง 1.85 ล้านเครื่อง ส่วน Wii U อยู่ที่ 820,000 เครื่อง และในปัจจุบันด้วยการผลิตเครื่องไม่ทันจำนวนความต้องการบ้าง อุปกรณ์ไม่พอบ้าง เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่า Switch จะทะยานไปสุดเท่าไหร่
สำหรับคนที่กลัวว่าเกมบน Switch มันไม่โอเค ตอนนี้ยอดขายเกมในญี่ปุ่นของเกมบน Switch หลักๆ ได้เผยออกมาแล้วว่า "Arms" เกมต่อสู้สุดแหวกสามารถขายไปได้ถึง 100,006 ตลับในเวลาเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น, "Mario Kart 8 Deluxe" ปัจจุบันขายได้ทั้งสิ้น 576,318 ตลับ, และพระเอกของเครื่องอย่าง "The Legend of Zelda: Breath of the Wild" ขายได้ทั้งสิ้น 490,086 ตลับ ซึ่งแน่นอนว่านี่เป็นสถิตแค่ในญี่ปุ่นเท่านั้น !!
ปล. ขอย้ำว่านี่แค่สถิติในญี่ปุ่นนนน !!
แหล่งที่มา kotaku