- ทั้ง 4 เอฟเฟ็กต์กราฟิกนี้ ได้รับการแนะนำจากผู้คนส่วนใหญ่บนเว็บไซต์ต่างประเทศ Reddit ว่าควรปิดในการเล่นเกมเพื่อความคมชัดแบบเต็มอิ่ม และสมจริง โดยแต่ละเอฟเฟ็กต์จะมีลิงก์อ้างอิงแยกเอาไว้ด้วย
- ทุกเอฟเฟ็กต์กราฟิกจะมีการแนบคลิปจากแชนแนล Youtube ต่างๆ ไว้ให้เข้าไปดูเปรียบเทียบว่าระหว่างตอนเปิด Vs. ปิด นั้นดีกว่าอย่างไร
- สามารถใช้ได้กับทุกเกมทั้งบนแพลตฟอร์ม PC, PlayStation, XBOX และ Nintendo Switch ถ้ามีให้เข้าไปตั้งค่าปิด ส่วนเกม Cyberpunk 2077 จะมีให้ปิดทั้ง 4 อันนี้เลย
- เกมส่วนใหญ่จะเปิดเอฟเฟ็กต์กราฟิกพวกนี้เอาไว้เป็น ON เลยทันทีอย่าง Cyberpunk 2077 ส่งผลให้ต้องเข้าไปปรับเป็น OFF กันเอง
- ทั้ง 4 เอฟเฟ็กต์ ถูกใส่เข้ามาในเกมส่วนใหญ่เพื่อเพื่มงานศิลป์ให้เหมือนรับชมภาพยนตร์ และทำให้ถ่ายรูปได้งามๆ แต่ประเด็นคือมันไม่ได้ทำให้ภาพเกมสวยขึ้นขณะเล่น รวมทั้งก็อาจทำให้ดูแย่เรื่องความคมชัดไปเลยทันที (โดยเฉพาะ Cyberpunk 2077 บนแพลตฟอร์ม PS4 ที่ชาว Reddit แนะนำให้ไปปิดทั้ง 4 ขณะเล่นจะดีกว่าตามลิงก์นี้)
- Film Grain เป็นเอฟเฟ็กต์ศิลป์ที่ทำให้ภาพภายในเกมนั้นมีคลื่นเป็นจุดๆ อยู่เต็มหน้าจอ ซึ่งพบเห็นได้ทั่วไปตามภาพยนตร์สมัยก่อน
- ประโยชน์ของมันคือทำให้ภาพกราฟิกในเกมต่างๆ ได้กลิ่นอายรับชมภาพยนตร์สมัยก่อนไปด้วย และยิ่งถ้าเกมสยองขวัญจะส่งผลให้รู้สึกอินขึ้นมากๆ
- ข้อเสียคือมันจะทำให้ภาพแสดงความคมได้ไม่ชัดเจน และคนที่ไม่อินกับสิ่งนี้ก็อาจหงุดหงิดได้เลยทีเดียว ส่งผลให้ชาว Reddit แนะนำให้ปิดในทุกๆ เกมเป็นอันดับแรกเลย (อ้างอิงจากลิงก์นี้)
- ผู้เขียนแนะนำว่าสามารถเปิดได้ภายในเกมมุมมองแบบเห็นตัวละครอย่าง The Last of Us 2 เพราะมันทำให้เราได้อารมณ์เป็นภาพยนตร์ขึ้นมาก แต่ถ้าอยากได้ภาพคมชัด หรือเล่นเกม FPS อย่าง Cyberpunk 2077 ก็ควรปิดเสียดีกว่า เพราะเกมมุมมองนี้ควรให้ความสมจริงในการเห็นผ่านดวงตาตัวละครที่เราเล่น ซึ่งมันต่างจากอารมณ์ดูหนังมาก
- Chromatic Aberration เป็นเอฟเฟ็กต์ศิลป์ที่ทำให้ภาพในเกมเกิดอาการสีตกรอบขอบเงาต่างๆ จนได้อารมณ์เหมือนเบลอ ซึ่งเอฟเฟ็กต์นี้มักจะได้พบเจอกันจากเลนส์กล้องถ่ายรูปสมัยก่อน
- ข้อดีของมันคือจะทำให้ภาพ 3 มิติภายในเกมดูสมจริงขึ้นจากการหลอกตา รวมทั้งตอบโจทย์คนที่ชอบเอฟเฟ็กต์แบบนี้จากในการถ่ายภาพหรือหนังไปด้วย
- ข้อเสียคือเกมสมัยนี้ก็ทำภาพ 3 มิติมาได้สมจริงอยู่แล้ว และเจ้าสิ่งนี้ก็ดันทำให้ความคมชัดมันแย่ลงไป แถมทำให้บางคนหงุดหงิดจนปวดตาเสียอย่างงั้น จึงส่งผลให้ชาว Reddit แนะนำให้ปิดสิ่งนี้ในการเล่นเกมต่างๆ (อ้างอิงจากลิงก์นี้)
- ผู้เขียนแนะนำว่าถ้าคุณไม่ชอบให้ภาพมันมีเอฟเฟ็กต์เบลอๆ แบบนี้ ก็ควรปิดเพื่อจะได้เสพบรรยากาศภายในเกมแบบคมชัดไปเลย
- Depth of Field เป็นเอฟเฟ็กต์ศิลป์ที่ทำให้ภาพภายในเกมเกิดการโฟกัสหน้าจอไปที่ส่วนๆ หนึ่ง และให้ส่วนอื่นๆ เกิดเป็นภาพเบลอ คล้ายๆ การที่คนส่วนใหญ่ถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอตามสมัยนี้
- ข้อดีคือเวลาเราถ่ายภาพในเกมจะสวยขึ้นมาก และเวลาเข้าฉากคัทซีนก็จะให้อารมณ์เหมือนดูภาพยนตร์
- ข้อเสียคือมันไม่ได้โฟกัสไปในจุดตามที่เรามอง ส่งผลให้เกิดความจำกัดต้องมองไปได้แค่จุดๆ หนึ่งที่มันกำหนดจนน่าหงุดหงิด จึงทำให้ชาว Reddit เลือกจะปิดเพื่อให้เกมมีภาพคมชัดเต็มจอสมจริงตลอดไปเลยดีกว่า (อ้างอิงจากลิงก์นี้)
- ผู้เขียนแนะนำว่าถ้าจะเปิดคือคุณต้องเป็นคนชอบถ่ายรูปแบบมีการเบลอสวยๆ และเกมนั้นก็ต้องไม่มี Photo Mode จะดีกว่า ส่งผลให้ควรปิดมากๆ หากคุณอยากเสพบรรยากาศในเกมแบบคมชัดสมจริง
- Motion Blur เป็นเอฟเฟ็กต์ศิลป์ที่ทำให้ภาพภายในเกมเกิดการเบลอเมื่อเราหันมุมกล้องไปมาอย่างรวดเร็วคล้ายๆ กับการที่มนุษย์หันตามโลกความเป็นจริง
- ข้อดีคือมันทำให้เป็นอาการสมจริงเหมือนมนุษย์หัน และทำให้คุณไม่รู้สึกว่าเกมมีเฟรมเรท FPS ตกขณะเล่น
- ข้อเสียคือมันทำให้ภาพในเกมดูไม่คมชัดบ่อยๆ จากการเบลอเช่นเคย และทำให้หลายคนเวียนหัวได้ง่ายมาก จึงทำให้ชาว Reddit แนะนำเลือกจะปิดไปทุกเกม (อ้างอิงจากลิงก์นี้)
- ผู้เขียนแนะนำว่าถ้าคุณอยากรู้สึกเหมือนมนุษย์หันจริงๆ ก็เปิดไว้ได้นะ แต่ถ้าอยากได้บรรยากาศเกมแบบคมชัดเต็มอิ่มก็ควรปิดเช่นเคย