"เล่นเกมได้ภาษาอังกฤษนะ" คำนี้น่าจะเป็นคำที่เราได้ยินกันมานานแสนนาน ทั้งจากเหล่าเกมเมอร์พันธุ์แท้ และเหล่าเกมเมอร์วัยเรียนที่มักจะใช้คำนี้อ้างกับผู้ปกครองกันเป็นประจำเวลาโดนเตือนว่าเราเล่นเกมมากเกินไป (แน่นอนตัวผู้เขียนเองก็เคยใช้) ว่ากันตามตรงว่าเราสามารถเรียนรู้ภาษาได้จากการเล่นจริงๆ แต่มันจะได้ผลขนาดนั้นจริงหรือไม่ วันนี้ก็ขอเอาประสบการณ์ของตัวเองมาถ่ายทอดให้ได้สัมผัสกัน
วิดีโอเกมก็คล้ายกับสื่อบันเทิงอย่างนึง มันเหมือนกับภาพยนตร์ เหมือนกับทีวีซีรีส์ เพียงแต่ว่าเราเองที่เป็นผู้ควบคุมตัวละคร ออกไปผจญภัย เจออุปสรรค เก็บเลเวล เลื่อนระดับ พัฒนาตัวละคร และเดินทางไปสู่ตอนจบของเกม ปัจจุบันถึงแม้ว่าเกมหลายๆเกมเริ่มมีการรองรับภาษาไทยแล้ว แต่หลักๆทุกเกมย่อมเป็นภาษาอังกฤษอยู่เสมอ แน่นอนถ้าอยากรู้เรื่องราวของเกม หรือเควสท์ที่เรากำลังทำอยู่ เราก็ต้องอ่านหรือแปลไปด้วย หรือใครบางคนอาจจะ Skip Cutscene ไปเลย เน้นเล่นอย่างเดียวให้มันจบๆไปวกกลับมาที่หัวข้อ เราเล่นเกมแล้วได้สกิลภาษาจากมันจริงๆหรือเปล่า ผมก็คงต้องตอบว่า ได้ แต่มันได้ไม่มากนัก และเราสามารถนำมันไปต่อยอดได้กับการพูดคุยในชีวิตประจำวันเท่านั้น เพราะสถานการณ์ของเกมส่วนมากก็เป็นสถานการณ์ที่ไม่ค่อยจะเกิดขึ้นในชีวิตจริงอยู่แล้ว ปกติแล้วคำศัพท์ที่เราจะได้จากเกมทั่วไป ส่วนมากจะเป็นพวกสำนวนศัพท์ง่ายๆ ประโยคง่ายๆ มากกว่าคำที่จะใช้แบบเป็นทางการมากกว่าแต่เอาจริงๆแล้วเราสามารถเรียนรู้ภาษาจากเกมได้ แต่ต้องใช้คำว่าพยายามและความบันเทิงในการเล่นเกมจะลดลงไปมาก การเปิดดิคชันนารี หรือจดศัพท์ระหว่างเล่น ดูจะเป็นการ Multitasking (ทำหลายสิ่งหลายอย่างในเวลาเดียวกัน) ซึ่งมันจะทำให้ประสิทธิภาพในการทำสิ่งนั้นๆลดลง (จะเล่นเกมก็ไม่สนุก เพราะห่วงแต่จดศัพท์ จะเรียนรู้ภาษาก็พะวงห่วงแต่จะเล่นเกม) ดังนั้นมันจึงค่อนข้างจะต้องหาจุดบาลานซ์ในการเรียนรู้ภาษาและเล่นเกมไปพร้อมๆกันเช่น การเลือกเกมที่การใช้ภาษาไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อนนัก ผมแนะนำพวกเกม Metroidvania , Side Scrolling หรือเกมเดินข้างลุย เกมพวกนี้จะใช้ศัพท์ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก ไดอะล็อกการสนทนาไม่ยืดยาว สามารถจดจำคำศัพท์บางคำไปเรียนรู้ต่อได้ เช่น My Friend Pedro , Rockman 11 , The Messenger หรือล่าสุด Bloodstained : Ritual of the Night ก็ไม่ได้ยากจนเกินไปนัก เกมพวกนี้ให้ผู้เล่นลองพยายามจำคำศัพท์ง่ายๆ หรือรูปประโยคการสนทนาง่ายๆเอาจะดีที่สุดครับ ไต่ระดับขึ้นมาอีกนิดก็อาจจะเป็นพวกเกมเนื้อเรื่องแต่ยังคงเป็นเส้นตรง มีออกสำรวจนิดหน่อย เพื่อเพิ่มสเกลความยากของคำศัพท์ เกมพวกนี้ผมขอแนะนำให้เป็นจำพวกแฟรนไชส์ Tomb Raider , Vanquish จากที่ลองมาสองเกมนี้คำศัพท์อยู่ในระดับกลาง อาจอาศัยคำง่ายๆเป็นคำเชื่อมแล้วลองเดาเนื้อเรื่องเอา หรือจะเป็นพวกเกม Far Cry ก็ได้นะ ผมว่าเกมนี้ศัพท์ไม่ยากจนเกินไปนักและท้ายสุดที่อาจจะเป็นคำยากๆ หรือระดับ Advanced ก็จะเป็นพวกเกม Open World เต็มรูปแบบ เพราะเกมพวกนี้จะมีทั้งเนื้อเรื่องหลัก เนื้อเรื่องรอง ส่วนเสริม ภารกิจย่อยเยอะมาก เสพกันให้เต็มอิ่ม แต่คำศัพท์ในเกมพวกนี้ก็จะยากขึ้นไปอีกนิด (จริงๆต้องบอกว่ามันเยอะมากกว่า) เกมพวกนี้ยกตัวอย่างเช่น The Witcher 3 : Wild Hunt , Assassin's Creed ฯลฯThe Witcher 3 การใช้ภาษาจะแอดวานซ์มาก โชคดีมี Mod ซับไทย อิอิสรุปแล้วเราได้ภาษาอังกฤษจากการเล่นเกมจริงหรือไม่ ก็คงต้องตอบกันว่า จริงครับ ได้จริง แต่มันไม่ได้ได้เป็นหลักแน่นอน เพราะถึงยังไง ภาษาจากเกมเราก็ได้คำศัพท์และการฟังเท่านั้น ไวยากรณ์และแกรมม่าเราก็ต้องไปพึ่งการเรียนรู้จริงอยู่ดี (ขึ้นอยูกับแต่ละคนด้วย) และอีกอย่างอย่างที่ผมบอกไปการ Multitasking นั้นจะลดประสิทธิภาพลง เล่นเกมก็ไม่สนุก ฝึกภาษาก็ไม่ลื่นนัก ดังนั้นหาจุดลงตัว เล่นให้สนุก เรียนพอเป็นพิธี แล้วก็อย่าลืมไปฝึกภาษากันในชีวิตจริงด้วย จะได้เล่นเกมกันอย่างมีความสุข ซึมซับเนื้อเรื่องกันหนักๆเลยจ้า!