สวัสดีครับ เพื่อน ๆ ชาว Playulti ทั้งหลาย ทุกคนคงเคยเล่นเกมกันมาบ้างแล้วไม่มากก็น้อย ทั้งเกมออนไลน์ เกมออฟไลน์ คอนโซล อะไรก็ตามแต่ นับกันได้ไหมครับว่าทั้งชีวิตนี้เล่นเกมจบกันมากี่เกมแล้วบ้าง ของผู้เขียนนั้นนับไม่ได้เลย ตั้งแต่สมัย PS1 ถึงสมัยนี้ก็ล่อไปหลายร้อยแล้ว แต่มันก็ยังมีบางเกม "ที่ไม่สามารถเล่นจบได้" สาเหตุมันไม่เกี่ยวกับตัวเกมหรืออะไรหรอกครับ มันเกี่ยวกับอุปสรรครอบตัวคุณ และอาจจะเป็นตัวคุณด้วยที่เป็นอุปสรรคทำให้คุณไม่สามารถเล่นเกมจบได้เสียเอง วันนี้เราเลยจะมาดู "5 สาเหตุสุดน่ารำคาญ ที่ขัดขวางคุณจนไม่สามารถเล่นเกมจนจบได้" จะมีที่ตรงกับผู้อ่านไหม ไปดูกันเลย !
สาเหตุสุดคลาสสิกที่โดนกันตั้งแต่สมัยก่อนยันปัจจุบัน คือการโดนลบเซฟเกมนั่นเองครับ ความเซ็งของหัวข้อนี้เรียกได้ว่านับไม่ได้ หัวร้อนจนแทบปาแผ่นปาจอยทิ้งกันเลยทีเดียว ผู้เขียนก็มีประสบการณ์การโดนลบเซฟอยู่เหมือนกันครับ ผู้เขียนเล่นเกม Final Fantasy IX ไว้ประมาณแผ่นที่สอง ประมาณช่วงงานแต่ง Vivi แล้วผู้เขียนก็ไปธุระตามปกติ ปล่อยเครื่องเกมให้น้องชายเล่น พอกลับมาเซฟก็หายไปเลย หายไปอย่างกับว่ามันไม่มีอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว พอจะเริ่มเล่นเกมใหม่กลับไม่มีอารมณ์เล่นแล้ว เลยปล่อยค้างไว้จนมันรีมาสเตอร์ใหม่บน PC ถึงได้กลับมาเล่นจนจบ
ระดับความหัวร้อน : 4/5
สาเหตุนี้ไม่ใช่ที่สภาพแวดล้อมแล้ว แต่เป็นที่ตัวคุณเองมากกว่า ว่าจะทนต่อการล่อลวงของเกมที่ออกมาใหม่ได้แค่ไหน ผู้เขียนก็มีประสบการณ์แบบนี้เหมือนกัน จำได้ว่าเฝ้ารอ Bioshock 3 อยู่ ระหว่างนั้นก็เล่นเกมอื่นไปเพลิน ๆ แต่พอเกมนั้นใกล้จะจบแล้ว Bioshock 3 ก็ออกวางจำหน่ายทันที ตอนนั้นเลยกดมาเล่นเลยไม่ถงไม่ถามสุขภาพกระเป๋าเงินซักคำ พร้อมเทเกมที่ใกล้จะจบแล้วไปอย่างง่ายดาย พอเล่นเกมที่ต้องการเสร็จ จะกลับมาเล่นเกมนั้นก็ไม่มีอารมณ์อีกแล้ว เรียกได้ว่าปล่อยดองยาว ไม่หยิบมาเล่นอีกเลย
ระดับความหัวร้อน : 1/5
ข้อนี้จะเกิดขึ้นบ่อย ๆ ในกลุ่มเพื่อนของผู้เขียนเอง ช่วงไม่กี่ปีมานี้มันจะมีเทรนเกมยาก ๆ ให้เล่นค่อนข้างเยอะ ที่คลาสสิกสุด ๆ คือพวก Demon Soul ,Dark Soul และ Bloodborne เพื่อนผู้เขียนก็โม้กันใหญ่ว่าจะซื้อมาเล่นแล้วเล่นให้จบแบบไวสุด ๆ ผู้เขียนก็หัวเราะในใจ เพราะไอ้พวกนี้มันเป็น Casual Player ที่พึ่งเข้ามาสู่อุตสาหกรรมเกมได้ไม่นาน ไม่น่ารอด ปรากฏว่าเป็นอย่างที่คิดจริง ๆ พวกมันขายแผ่นทิ้งตั้งแต่วันแรก ๆ แถมยังบ่นอีกว่าเกมแบบนี้ใครจะเล่นผ่าน หารู้ไม่ว่าคนที่มันมาบ่นด้วยเนี่ย เล่นจบไปหลายรอบแล้ว (ฮา)
ระดับความหัวร้อน : 5/5 (อาการหนักมาก ๆ อาจทำลายข้าวของได้เลย)
อันนี้เป็นสาเหตุที่ค่อนข้างหัวร้อนและเสียใจไปด้วยในตัว คืออุปกรณ์ที่ใช้เล่นนั้น วันดีคืนดี เกิดเปิดไม่ติดพังขึ้นมา ทางเลือกที่มีคือซื้อใหม่อย่างเดียว แล้วคุณจะทำยังไงกับแผ่นเกมที่กองอยู่ที่บ้าน อันนี้บอกเลยว่ามีประสบการณ์ตรง พี่ที่ทำงานผู้เขียนเล่น Bayonetta บน PS3 ใกล้จะจบแล้ว แต่ก็ไม่สามารถเล่นจบได้เพราะบอร์ดเครื่องพังไปก่อน สุดท้ายแผ่นก็ยังค้างอยู่ในห้อง เป็นเครื่องมือย้ำเตือนว่า "นายเล่นเกมนี้ไม่จบนะ" ให้เจ็บปวดกันไป
ระดับความหัวร้อน : 3/5
สาเหตุคลาสสิกที่มักจะเกิดขึ้นเมื่อคุณโตขึ้นพอจะทำงานได้แล้ว หลังจากชีวิตคุณเข้าสู่ระบบงานเมื่อไหร่ คำว่าเวลาว่างพอจะเล่นเกมนั้นเรียกได้ว่ามีน้อยมาก (นอกจากคุณไม่สนใจสื่ออื่นเลยนอกจากเกม) ทำให้กว่าคุณจะเล่นเกมจบต้องใช้เวลาเยอะมาก ยิ่งถ้าคุณเป็นประเภทขี้เบื่อแล้วด้วย สำหรับผู้เขียนนั้นหากต้องเล่นเกมไหนนาน ๆ เพื่อให้จบ ผู้เขียนจะรู้สึกไม่สนุก และคิดว่ามันเป็นหน้าที่ทันที สุดท้ายก็ต้องวางเกมนั้นไว้ตามยถากรรม ไปเริ่มต้นทำอย่างอื่นที่สนุกกว่านั่นเอง
ระดับความหัวร้อน : 1/5
สาเหตุแต่ละอย่างที่เกิดขึ้น ดูจะเป็นเรื่องที่ไม่สามารถคาดเดาได้เลยใช่ไหมครับ ความจริงแล้วการเล่นเกมจบไม่จบนั้นมันไม่มีผลอะไรต่อชีวิตเลยครับ แต่มันมีจะมีผลเรื่องสิ่งที่คุณเก็บเกี่ยวได้จากเกมต่างหาก ฉากจบของเกมคือรางวัลแรกที่คุณได้จากความพยายาม ไม่ว่าคุณจะเล่นมาแบบไหน ฉากจบย่อมสวยงามเสมอครับ (สงวนไว้สำหรับบางเกม) สิ่งที่คุณได้หลังจากนั้นเป็นข้อมูลที่ตกตะกอนจากความคิดของคุณเอง จำพวกทัศนคติ เหตุผล โลจิกของตัวละคร สิ่งที่ไม่สามารถพบเจอได้จากความจริง เห็นแบบนี้แล้ว เล่นเกมให้จบเถอะครับ เสียเงินซื้อมาไม่ใช่ถูก ๆ อย่าวางมันทิ้งไว้เลย ....