[E3 Preview] Just Cause 4 มหาประลัยความระห่ำที่นึกว่าไมเคิล เบย์มากำกับ!

หลังจากจบเทศกาลงาน E3 2018 กันไปแล้ว เชื่อว่าหลายคนน่าจะต้องลิสต์รายการเกมที่ชื่นชอบลงไปในรายการกันเยอะแยะ จนสั่นคลอนเงินในกระเป๋ากันเลยทีเดียว และช่วงนี้เราจะหยิบเอาตัวเกมที่เปิดตัวในงาน E3 มาพูดถึงกัน ไม่ว่าจะเป็นเกมใหม่สดๆ เกมภาคต่อ เอามาพรีวิวกันให้ดูว่าเกมนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง และคุ้มที่จะจัดมาเล่นกันตั้งแต่ Day 1 เลยหรือไม่ ซึ่งต้องบอกก่อนว่านี่เป็นความเห็นของตัวผู้เขียนเองเท่านั้น ผู้เล่นแต่ละคนอาจจะชื่นชอบแนวเกมที่แตกต่างกันไป ดังนั้นก็ใช้วิจารณญาณในการตัดสินเกมที่ชอบกันนะครับ! และเกมแรกที่เราจะพามา Preview กันวันนี้นั่นคือ Just Cause 4 จากทีมสร้าง Avalanche Studios นั่นเอง 

Just Cause คือชื่อของแฟรนไชส์เกมแอ็คชั่นสุดวินาศสันตะโรโดย Avalanche Studios ที่มีอายุมากว่า 10 ปีแล้ว โดยเกมภาคแรกวางจำหน่ายไปตั้งแต่ปี 2006 และล่าสุดในภาค 4 นี้ที่กำลังจะวางจำหน่ายในปี 2018 ที่จะถึงนี้ จุดเด่นของเกมนี้คือลีลาการบู๊แอ็คชั่นของตัวเอกนามว่า Rico Rodriguez ที่สร้างภาพจำและมาตรฐานใหม่ให้กับเกมแอ็คชั่นเลยทีเดียว แม้ว่าภาค 3 จะดูสะเปะสะปะจนหลงทางไปบ้าง แต่สุดท้ายก็ยังเข็นภาค 4 ออกมาจนได้ ซึ่งถือว่าน่ายินดีสำหรับแฟนเกมซีรีส์นี้เป็นอย่างยิ่ง (ตัวผู้เขียนก็ด้วย)

ตัวเกมเกือบทุกภาคพาผู้เล่นไปยังพื้นที่สมมติ และแต่ละภาคจะมีปัญหาที่แตกต่างกันนั่นก็คือประชาชนถูกกดขี่โดยรัฐบาลฉ้อฉล หน้าที่ของ Rico คือจัดการคืนอิสรภาพให้กับผู้คนเหล่านั้น ไม่เว้นแม้แต่ภาค 3 ที่เป็นบ้านเกิดตัวเอง นอกจากนั้นภาค 2 ยังเป็นพื้นที่สมมติที่ดันมาคล้ายกับประเทศไทยอีก ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ หมู่เกาะ สิ่งปลูกสร้างที่คล้ายวัด หรือหนักกว่านั้นเลยคือมีตัวละคร NPC บางตัวที่เหมือนพระจริงๆอยู่ในเกม (ฮา) ซึ่งในตัวเกมภาค 4 นี้ ก็ดูเหมือนกับว่ามันจะยังคงใช้โลเกชั่นพื้นที่สมมติอีกแล้ว (แหงละ ใช้ของจริงสุ่มเสี่ยงดราม่าง่ายมาก) โดยคราวนี้จะเป็นหมู่เกาะเขียวชอุ่มให้ความรู้สึกผ่อนคลาย แต่มันจะรีแลกซ์ได้สักเท่าไรกัน เมื่อ Rico Rodriguez ได้มาเยือน..

กลิ่นอายของโลเกชั่นภาคนี้ให้อารมณ์เหมือนภาค 2 ที่ไปปรับปรุงมาให้ใหญ่ขึ้น มีรายละเอียดมากขึ้น สังเกตได้ว่ามันเป็นพื้นที่ป่าสีเขียว รวมไปถึงภูเขาสูงใหญ่ หมู่เกาะ คล้ายๆแถบเอเชียบ้านเรานี่เลย แต่มันก็ยังมีอีกหลายที่ดูแล้วอาจจะนำสถานที่อื่นมาปรับปรุงเข้าไป เรามองเห็นภูเขาที่ัเหมือนกับภูเขาหิมะ (ภาค 2 เองก็มีโซนหิมะตก) ยิ่งทำให้รู้สึกว่าแผนที่ในภาคนี้เขาหยิบเอาภาค 2 มาขยับขยายให้ใหญ่ขึ้นหรือเปล่านะ ?

The Black Hand คือชื่อองค์กรหนึ่งที่ในตัวอย่าง ตัวละครหญิงคนหนึ่งได้พูดเอาไว้ ว่ากันว่านี่คือองค์กรระดับโลกที่มีกองทัพส่วนตัวสุดยิ่งใหญ่และพร้อมจะกลืนกินทุกประเทศชาติที่ต่อต้านพวกเขา แต่ดูเหมือนว่าอะไรบางอย่างที่องค์กรนี้สร้างขึ้นมา จะกลาเยป็นมหันตภัยย้อนกลับมาเล่นงานพวกเขาเอง ถึงขั้นที่ว่านี่ไม่ใช่สงครามแล้ว แต่มันคือการเอาตัวรอด ว่าแต่เอาตัวรอดจากอะไร ? เทคโนโลยีสุดอันตรายขององค์กรนี่น่ะเหรอ แล้วเบื้องหลังองค์กร The Black Hand คือใครกัน งานนี้เกมวางจำหน่ายถึงจะรู้คำตอบ

ตลอด 3 ภาคที่ผ่านมาศัตรูของ Rico ดูจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะอย่างมากก็แค่กองกำลังทหารที่ยกโขยงกันมาให้พี่แกยิงทิ้งยิงขว้างเท่านั้น แต่ภาคนี้จากที่เห็นได้จากในตัวอย่างว่าสิ่งที่มาเพิ่มเติมในภาคนี้และเป็นอุปสรรคอันใหญ่หลวงนั่นคือสภาพอากาศอย่างพายุทอร์นาโด ที่เดาว่าน่าจะส่งผลกระทบต่อการเล่นเกมแน่นอนทั้งจังหวะปะทะศัตรูและเข้ามารบกวนการเดินทาง ซึ่งถือเป็นความแปลกใหม่ที่ทีมพัฒนาได้ใส่มาไว้ในเกม เพราะหากจะให้เราเล่นเป็นตัวละครโชว์เหนือมากขนาดนั้นแล้ว อุปสรรคอย่างฝูงศัตรูที่มาเยอะเกินไปก็ดูจะไม่ใช่ปัญหาสักเท่าไรนัก ภัยธรรมชาตินี่แหละที่น่าจะโหดร้ายพอสมควร

อย่างที่รู้กันดีว่าลีลาแอ็คชั่นพะบู๊ของ Rico ตัวเอกของแฟรนไชส์นี้ที่มีอายุอานามมานับ 10 ปีแล้วก็จะเพิ่มความเก๋าขึ้นตามภาค จากภาคแรกเป็นสายลับหน้าละอ่อนที่วิ่งไล่ยิงศัตรูกันตรงๆ กลายเป็นอาวุธสงครามผู้กรำศึก มาพร้อมกับสลิงที่ยิงจากแขนได้ราวกับสไปเดอร์แมนและร่มชูชีพที่ทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศได้แทบจะทุกอย่าง ซึ่งเขาก็ได้พัฒนาฝีมือตัวเองให้เก่งขึ้นชนิดที่ว่าแรงระเบิดหรือคมกระสุนไม่อาจทำอะไรเขาได้แม้แต่เส้นผม ซึ่งจากตัวอย่างภาคนี้บอกเลยว่าก็น่าจะยังคงคอนเซปต์เดิมของ Rico ไว้ นั่นคือบู๊แหลกลาญ ระเบิดภูเขาเผากระท่อมนั่นเอง

อันนี้อาจจะเป็นข้อที่ทำให้ใครหลายคนคงต้องปาดเหงื่อกันสักหน่อย เพราะภาค 3 นั้น Square Enix เปิดตัวด้วยราคาเพียง 1,049 บาทเท่านั้น และต่อให้เพิ่มเงินเป็น XL Edition ซึ่งจะได้อาวุธเสริมพิเศษอีกมากมาย ก็ยังราคาแค่ 1,500 บาท แต่ราคาของเกมภาคนี้กลับเปิดตัวด้วยราคาสุดแรงถึง 1,989 บาทในตัวเกมปกติ และสูงถึง 2,935 บาทในแบบ Gold Edition ซึ่งถือว่าเพิ่มราคามาแรงมากจนน่าตกใจเลยทีเดียว แต่สำหรับแฟนพันธุ์แท้ขาบู๊ คิดว่ายังไงก็คงยินยอมจ่ายอยู่แล้ว (แหงล่ะ ตัวผู้เขียนเองก็ด้วย) และสุดท้าย เกมจะวางจำหน่ายและเปิดให้เล่นอย่างเป็นทางการ 5 ธันวาคมปีนี้ครับ

และในครั้งหน้า E3 Preview ของ PlayUlti จะหยิบเกมอะไรมาพรีวิวกัน ต้องรอดูกันให้ดีๆนะครับ บอกเลยว่ามีทุกเกมแน่นอน หากผู้เล่นหรือเกมเมอร์ท่านใด สนใจอยากจะร่วมพูดคุยเกี่ยวกับเกมต่างๆก็สามารถคอมเมนท์ไว้ได้ด้านล่างได้เลย สำหรับวันนี้ ขอตัวไปปั่นเงินพรีออร์เดอร์ Just Cause 4 ก่อนนะครับ!