- อาชีพ Pyromancer จะมีความสามารถในการควบคุมพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้เปรียบ และทำให้ศัตรูเสียเปรียบเป็นหลัก แถมยังทำให้พลังโจมตีธาตุไฟรุนแรงขึ้นพอสมควร เหมาะสำหรับใครที่ต้องการจะปกป้องเพื่อนจากอันตราย หรือเน้นต่อสู้ในระยะใกล้ถึงกลาง
- ข้อดีของพลังธาตุไฟคือเมื่อโจมตีไปสู่จุดไหนของพื้นที่ ก็จะส่งให้พื้นที่นั้นเกิดเปลวไฟขึ้นในระยะเวลาหนึ่ง เพื่อสร้างความเสียหายใส่ศัตรูที่เผลอวิ่งไปโดน และอาชีพอื่นๆ ที่ใช้ถุงมือไฟก็จะได้รับข้อดีนี้ รวมทั้งยังสามารถสร้างกำแพงเพลิงมาป้องกันความอันตรายได้ชั่วขณะ
- ข้อเสียคือแต่ละสกิลนั้นต้องใช้ความชำนาญพอสมควร เนื่องจากต้องใช้ความแม่นยำต่อการโจมตี หรือการคำนวณพื้นที่ร่ายสกิลให้ดีๆ ด้วย
- สกิลโจมตีปกติ = Fireball - โจมตีใส่ศัตรูด้วยการปล่อยลูกบอลเปลวไฟออกไป ซึ่งจะสร้างความเสียหายอย่างรุนแรง แต่จะเคลื่อนที่ออกไปไม่ค่อยรวดเร็ว
- สกิลโจมตีพิเศษ = Flamewall - สร้างกำแพงเพลิงขนาดยาวจากด้านซ้ายไปขวาของตัวละครเราขึ้นมาในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งจะยังสร้างความเสียหายให้ศัตรูเผลอวิ่งเข้าไปโดนอย่างรุนแรง มีประโยชน์ต่อการไม่ให้ศัตรูเข้ามาหา หรือทำให้ศัตรูหนียาก
- สกิลติดตัวตอนเริ่ม = Combust - เมื่อโจมตีโดนศัตรูโดยตรง จะส่งผลให้เขาถูกไฟไหม้สร้างความเสียหายติดตัวเป็นเวลา 7 วินาที และยังทำให้ Fireball มีระยะระเบิดเมื่อตกสู่พื้นที่กว้างขึ้น 200%
- สกิลเมื่อเลเวลอัป 1 ครั้ง = Firefly - ทำให้สกิล Flamewall ของผู้เล่นไม่สร้างความเสียหายใส่ตัวเอง และเมื่อเข้าใกล้จะส่งผลให้ตัวละครเคลื่อนที่แบบบินได้อย่างรวดเร็วเป็นเวลา 2 วินาที
- สกิลเมื่อเลเวลอัป 2 ครั้ง = Pyrolysis - ทำให้สกิล Flamewall สร้างความเสียหายใส่ศัตรูเพิ่มขึ้น 100% เป็นเวลา 2 วินาที
- สกิลเมื่อเลเวลอัป 3 ครั้ง = Conflagration - จุดที่สกิล Fireball ตกใส่พื้น จะทำให้เกิด Fireball จิ๋ว กระเด็นออกมาใส่พื้นที่รอบๆ จำนวน 4 ลูก
- Frostborn เป็นอาชีพที่เก่งในด้านการโจมตีระยะไกล และยังมีสกิลต่างๆ ที่คอยสนับสนุนตัวละคร หรือปั่นป่วนศัตรูให้เคลื่อนที่ช้าลง เหมาะสำหรับใครที่อยากเล่นเป็นสไนเปอร์ของทีม หรือเพราะเก่งด้านความแม่นยำในการยิงแต่ละนัด
- ข้อดีของพลังธาตุน้ำแข็งคือสามารถโจมตีจากระยะไกลได้อย่างรุนแรงมาก และยังสามารถทำให้ศัตรูถูกแช่แข็งระยะเวลาหนึ่งได้เลย
- ข้อเสียคือถ้าหากศัตรูเข้ามาใกล้ๆ จะสู้ได้ยากมาก และต้องใช้ความแม่นยำสูงสุดๆ ในการโจมตีแต่ละครั้ง เนื่องจากการโจมตีมักจะอ้างอิงฟิสิกส์การยิงของธนู
- สกิลโจมตีปกติ = Ice Lance - เสกธนูน้ำแข็งออกมาโจมตีศัตรู โดยยิ่งกดค้างก่อนยิงนานมากเท่าไหร่ ลูกธนูก็จะยิ่งรุนแรง และยิงออกไปได้ไกลมากเท่านั้น
- สกิลโจมตีพิเศษ = Flash Freeze - ทำให้พื้นที่รอบๆ ตัวละครเต็มไปด้วยความหนาวเหน็บ ซึ่งจะส่งผลให้ศัตรูที่อยู่ใกล้ๆ เคลื่อนที่ช้าลง และอาจถูกแช่แข็งระยะเวลาหนึ่ง
- สกิลติดตัวตอนเริ่ม = Frozen Alacrity - เมื่อใช้สกิล Ice Lance จะส่งผลให้ระยะทางยาวที่ลูกธนูกระเด็นออกไปกลายเป็นน้ำแข็งชั่วขณะ ซึ่งจะส่งผลให้ตัวละครเรา หรือคนอื่นจะเคลื่อนที่จากพื้นที่ตรงนั้นได้รวดเร็วกว่าเดิม 150%
- สกิลเมื่อเลเวลอัป 1 ครั้ง = Icicle - ทำให้ตัวละครสามารถอยู่บนอากาศได้นานเป็นเวลา 5 วินาที หากกดใช้สกิล Ice Lance และยังทำให้มองเห็นศัตรูได้ง่ายขึ้น เมื่อกำลังกดสกิลนี้ค้างอยู่
- สกิลเมื่อเลเวลอัป 2 ครั้ง = Tundra - เมื่ออยู่ในช่วงร่ายสกิล Flash Freeze จะทำให้ตัวละครกลายเป็นอมตะ และระยะเวลาสกิล Flash Freeze จะนานมากขึ้น 100%
- สกิลเมื่อเลเวลอัป 3 ครั้ง = Ice Prism - ทำให้สกิล Ice Lance โจมตีรุนแรงมากยิ่งขึ้นหากทำการกดค้างเอาไว้ก่อนยิง
- Conduit เป็นอาชีพที่มีความสามารถในการใช้สกิลต่างๆ ได้บ่อยกว่าอาชีพอื่นๆ และยังมีความเด่นพลังโจมตี หรือพลังทำให้ศัตรูมึนงงชั่วขณะเป็นวงกว้างด้วย เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มือไว และไม่เก่งด้านความแม่นยำเพื่อโจมตี
- ข้อดีของธาตุไฟฟ้าคือสามารถเล็งโจมตีศัตรูได้ง่ายมากๆ ทุกระยะ แม้ศัตรูกำลังบินอยู่ก็สามารถโจมตีโดนได้ง่ายๆ และมีสกิลทำให้ศัตรูเกิดอาการมึนงงจนใช้สกิลอะไรไม่ได้ชั่วขณะ
- ข้อเสียคือพลังโจมตีนั้นจะรุนแรงนิดนึง และการจะใช้สกิลพิเศษนั้นต้องคำนวณเวลาเป็นอย่างมาก เนื่องจากสกิลจะมีการดีเลย์ก่อนโจมตีเป็นส่วนใหญ่
- สกิลโจมตีปกติ = Lighting Bolts - สร้างกระแสไฟฟ้าเป็นทางยาวออกไปโจมตีศัตรูอย่างรวดเร็ว โดยกระแสไฟฟ้านั้นจะถูกยิงไปในระยะไกลมากได้ และสามารถกดค้างเพื่อโจมตีต่อเนื่องเหมือนปืนกล
- สกิลโจมตีพิเศษ = Lighting Strike - เลือกพื้นที่เป้าหมายเพื่อให้เกิดการฟ้าผ่าในวงกว้างออกมา ซึ่งจะมีการดีเลย์ในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ถ้าหากศัตรูโดนฟ้าผ่าจะทำให้โดนพลังโจมตีอย่างรุนแรง และติดสถานะมึนงงจนใช้สกิลไม่ได้ชั่วขณะ
- สกิลติดตัวตอนเริ่ม = Potential Energy - ในการโจมตี Lighting Bolts แบบกดค้างเอาไว้ จะส่งผลให้ +1 พลังโจมตีของกระแสไฟฟ้าที่ยิงต่อเนื่องไปในแต่ละครั้ง สามารถบวกได้สูงสุดเป็น 5 แต้ม และบัฟจะหายทันทีเมื่อมานาหมด หรือเลิกกดค้าง
- สกิลเมื่อเลเวลอัป 1 ครั้ง = Overload - เมื่อใช้สกิล Lighting Strike จะส่งผลให้สามารถใช้สกิลจาก Rune ได้อีก 1 ครั้ง หรือทำให้ผู้เล่นใช้ Rune ติดต่อกันได้ถึง 2 ครั้ง (Rune คือสกิลอย่างหายตัว, วาร์ป หรือบิน ที่ผู้เล่นจะต้องไปฟาร์มเก็บหามาใช้ก่อน)
- สกิลเมื่อเลเวลอัป 2 ครั้ง = Power Surge - เมื่อใช้สกิล Lighting Strike จะส่งผลให้มานาของตัวละครเป็นอมตะ 4 วินาที
- สกิลเมื่อเลเวลอัป 3 ครั้ง = Secondary Strike - ทำให้การใช้สกิล Lighting Strike 1 ครั้ง จะมีฟ้าผ่าลงมามากถึง 5 จุดรอบๆ ของพื้นที่เป้าหมายที่ร่ายลงไป
- Stoneshaper เป็นอาชีพที่จะมีความสามารถในการยืนแท็งก์ให้เพื่อนๆ เนื่องจากจะมีสกิลเพิ่มเกราะได้สูงกว่าอาชีพอื่นๆ และยังสามารถฟื้นฟูเกราะส่วนหนึ่งขึ้นมาเองได้ตลอดเวลาด้วย
- ข้อดีของธาตุหินคือสามารถโจมตีศัตรูได้รุนแรงมาก แถมยังเป็นการโจมตีวงกว้างพอสมควร จึงทำให้ศัตรูจะต้องกลัวการเข้าใกล้สุดๆ รวมทั้งในบางครั้งยังช่วยดับเปลวไฟ, น้ำค้าง หรือพิษติดพื้นได้ด้วย
- ข้อเสียคือถึงแม้พลังโจมตีจะรุนแรง แต่การโจมตีก็จะทำได้เชื่องช้า และแพ้ทางด้านการต่อสู้ระยะไกล
- สกิลโจมตีปกติ = Shockwave - สร้างคลื่นกระแทกขนาดใหญ่ใส่พื้นที่เป็นทางยาวไปข้างหน้าจากตัวละคร เพื่อสร้างความเสียหายใส่ศัตรูอย่างรุนแรง
- สกิลโจมตีพิเศษ = Boulderfall - สร้างก้อนหินเป็นลูกวงกลมขนาดใหญ่ เพื่อปาใส่ศัตรูอย่างรุนแรง แต่ก้อนหินจะเคลื่อนที่ได้ช้ามาก
- สกิลติดตัวตอนเริ่ม = Stoneskin - ผู้เล่นอาชีพนี้จะมีเกราะป้องกันสูงกว่าอาชีพอื่น 20 แต้ม และจะได้รับตั้งแต่เริ่มเกมเลย รวมทั้งยังส่งผลให้เมื่อใช้สกิล Shockwave จะฟื้นฟูเกราะ 5 แต้มในแต่ละครั้ง หากผู้เล่นมีความทนทานเกราะต่ำกว่า 20 แต้ม
- สกิลเมื่อเลเวลอัป 1 ครั้ง = Bedrock - ทำให้พลัง Shockwave มีระยะการทำความเสียหายเป็นวงกว้างยิ่งขึ้น
- สกิลเมื่อเลเวลอัป 2 ครั้ง = Accretion - ทำให้ขนาดก้อนหินของสกิล Boulderfall มีขนาดใหญ่มากกว่าเดิม
- สกิลเมื่อเลเวลอัป 3 ครั้ง = Avalance - ทำให้สกิล Boulderfall สามารถใช้เพิ่มได้อีก 1 ครั้งถาวร ส่งผลให้ผู้เล่นจะสามารถใช้สกิลนี้ติดกันได้มากถึง 2 ครั้ง
- Tempest จะเป็นอาชีพที่มีความสามารถด้านการบินค้างได้นานกว่าอาชีพอื่นๆ และยังสามารถป่วนศัตรูโดยไม่ต้องเทพด้านความโจมตีแม่นยำมาก
- ข้อดีของพลังธาตุลมคือสามารถโจมตีศัตรูได้อย่างรวดเร็ว และระยะไกลพอสมควร แถมยังสามารถป่วนศัตรูด้วยการสร้างพายุให้เคลื่อนที่หนีจากพื้นที่ตรงนั้นได้ยากขึ้น รวมทั้งยังสามารถดับเปลวไฟ, หมอกพิษ ได้อีกต่างหาก
- ข้อเสียคือพลังโจมตีนั้นจะเบา และสกิลนั้นก็ไม่ค่อยมีประโยชน์สู้พลังธาตุอื่นๆ แต่สกิลส่วนใหญ่ก็มักจะมีประโยชน์หากเล่นอยู่ในอาชีพ Tempest โดยตรง
- สกิลโจมตีปกติ = Wind Shear - ปล่อยพลังคลื่นลมเป็นลูกๆ เพื่อโจมตีใส่ศัตรูอย่างรวดเร็ว และระยะไกลมาก แต่พลังโจมตีนั้นจะเบาสุดๆ
- สกิลโจมตีพิเศษ = Tornado - สร้างพายุลูกใหญ่ในพื้นที่เป้าหมาย เพื่อทำให้ศัตรูนั้นถูกดูดเข้าไปใกล้ๆ และหนีออกมาได้อย่างยากลำบาก
- สกิลติดตัวตอนเริ่ม = Wind Surge - เมื่อใช้สกิล Wind Shear ใส่พื้นที่ จะมีแรงผลักส่งให้ตัวละครเราบินขึ้นสู่ท้องฟ้า
- สกิลเมื่อเลเวลอัป 1 ครั้ง = Updraft - ทำให้ตัวละครเราไม่ได้รับการดึงดูดจากสกิล Tornado ของตัวเอง และเมื่อเราเข้าไปข้างในสกิลของนี้ จะทำให้ตัวละครบินขึ้นสู่ที่สูงแบบค้างช้าๆ เอาไว้
- สกิลเมื่อเลเวลอัป 2 ครั้ง = Squall - เมื่อตัวละครของเราอยู่บนอากาศ หรือตกลงสู่พื้นเป็นเวลา 1 วินาที จะส่งผลให้โจมตีด้วยพลังเวทย์แรงขึ้น 20% และได้รับความเสียหายลดลง 10%
- สกิลเมื่อเลเวลอัป 3 ครั้ง = Sudden Gust - เมื่อตัวละครของเราอยู่บนอากาศ หรือตกลงสู่พื้นเป็นเวลา 1 วินาที จะส่งผลให้ฟื้นฟูสกิลโจมตีพิเศษของถุงมือทุกชิ้นเร็วขึ้น 100%
- Toxicologist เป็นอาชีพที่เน้นล่องหน และลอบเร้นใส่ศัตรูในระยะใกล้ แถมยังสามารถควบคุมพื้นที่ให้ศัตรูเสียเปรียบได้ดีพอสมควร เหมาะสำหรับผู้เล่นใจเย็น และตุ๋ยหลังเขาทั้งเกม
- ข้อดีของพลังธาตุพิษคือเมื่อโจมตีโดนศัตรู จะส่งผลให้เขายังติดพิษแล้วเลือดลดไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง แถมการโจมตี 1 ครั้ง ก็เหมือนการเอาปืนลูกซองยิงใส่
- ข้อเสียคือการโจมตีส่วนใหญ่ก็จะรุนแรง และหวังผลในระยะใกล้เท่านั้น ทำให้เมื่อเข้าสู่ระยะกลางจะสู้ได้ยากมาก และในระยะไกลก็ลำบากเลย
- สกิลโจมตีปกติ = Toxic Spray - ปาลูกบอลพิษจำนวนมากออกไปใส่ศัตรูในแต่ละครั้งเป็นวงกว้างซ้ายไปขวาของตัวละครเรา
- สกิลโจมตีพิเศษ = Toxic Cloud - ปาลูกบอลพิษออกไปสู่พื้นที่เป้าหมาย ซึ่งจะส่งผลให้พื้นที่นั้นเกิดแก็สพิษอยู่รวมกันเป็นวงกลม
- สกิลติดตัวตอนเริ่ม = Viscosity - ทำให้ลูกบอลพิษของสกิล Toxic Spray สามารถเปียกพื้นได้ในช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อทำให้ศัตรูที่เผลอมาเหยียบถูกลดพลังชีวิต และเคลื่อนที่ช้าลงชั่วขณะ
- สกิลเมื่อเลเวลอัป 1 ครั้ง = Vanishing Mists - ทำให้ตัวละครเราไม่ได้รับความเสียหายจากสกิล Toxic Cloud ของตัวเอง และเมื่อเข้าไปสู่ในพื้นที่ของสกิล จะทำให้ตัวละครหายตัวเป็นเวลา 3 วินาที
- สกิลเมื่อเลเวลอัป 2 ครั้ง = Outbreak - เมื่อตัวละครเราหายตัว จะทำให้สกิล Toxic Spray แรงขึ้น 75%
- สกิลเมื่อเลเวลอัป 3 ครั้ง = Spreading Sickness - ทำให้การใช้สกิล Toxic Cloud จะมีการปาลูกบอลพิษออกไปสู่พื้นที่เป้าหมายเป็น 3 จุด โดยเรียงจากซ้ายไปขวาของตัวละคร
หวังว่าบทความ PlayGuide ในตอนนี้ จะมีประโยชน์ให้แก่ผู้เล่นเกม Spellbreak ทุกๆ คนนะครับ!
- รวบรวมข้อมูล Rune - จะมาในเร็วๆ นี้
- รวบรวมข้อมูลการคอมโบธาตุ - จะมาในเร็วๆ นี้
- รวบรวมข้อมูลไอเทมแต่ละชนิด - จะมาในเร็วๆ นี้
