สวัสดีค่ะ กลับมาพบกับอาเจ๊นัทและทีมงาน PlayUlti กันอีกเช่นเคย วันนี้อาเจ๊นัทขอหยิบนำเกมสดใหม่อย่าง "The Evil Within 2" มาทำรีวิวให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันค่ะ โดยตัวเกมในภาคนี้ก็ยังได้ Tango Gameworks ก็ยังได้ทีมผู้พัฒนาเดิมจากภาคก่อน โดยมีคุณชินจิ มิคามิผู้กำกับจากภาคแรกมานั่งเป็นผู้กำกับภาคนี้เหมือนเดิม โดยเขาได้สัมภาษณ์ว่าภาคนี้จะมีความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะการนำเสนอไอเดียใหม่ๆ ที่ทำให้ภาคนี้ออกมาโดดเด่นกว่าภาคแรก ส่วนรายละเอียดจะมีอะไรบ้างไปติดตามกันเลย
เนื้อเรื่องในภาคนี้ได้พูดถึงได้พูดถึงเหตุการณ์ต่อจากภาคแรกประมาณ 3 ปี หลังจากที่ Sebastian Castellanos ได้ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายออกมาบอกเล่าให้คนภายนอกได้ฟัง แต่ก็ไม่ใช่ใครเชื่อสักคน ผลทำให้ผู้ใหญ่ในกรมตำรวจไล่เขาออกในทันที ตัว Sebastian ยังคงจมปลักอยู่กับอดีตเรื่องที่เขาไม่สามารถช่วยเหลือลูกตัวเองในอดีตได้ ทำให้เขาซึมเศร้าและติดเหล้าอย่างหนัก จนกระทั่งวันหนึ่ง Kidman อดีตคู่หูได้เดินเข้ามาพร้อมบอกว่าแท้จริงแล้วลูกสาวของเขายังไม่ตาย แต่ติดอยู่ในโลกเสมือนจริง STEM ของ Mobius งานนี้เขาเองเลยต้องไปพิสูจน์ว่าเรื่องดังกล่าวจริงหรือเปล่า และถ้าจริงเขาก็จะต้องช่วยเธอกลับมาให้ได้ต้องยอมรับว่าระบบเกมเพลย์ในภาคนี้ก้าวกระโดดจากภาคแรกอย่างเห็นได้ชัด โดยจะเริ่มอธิบายไปทีละส่วนก็แล้วกัน ในภาคแรกถูกติเกี่ยวกับตัวละคร Sebastian Castellanos ที่เป็นนักสืบที่ไม่ใช้ความสามารถของตัวเองแม้แต่น้อย ยิงปืนก็ไม่แม่น ในภาคนี้เราจะเห็นว่าเขาใช้ทักษะการเป็นนักสืบได้แล้วตั้งแต่การสอบสวนเพื่อหาข้อมูลภายในเกม ทำให้ปลดล็อคเควสต์เนื้อเรื่องหลัก และ เควสต์เนื้อเรื่องรอง ให้เราได้ทำ นอกจากนี้ในบางช่วงเขายังใช้ทักษะการสะกดรอยเพื่อสืบหาสาเหตุภายในเกมด้วยนะ ทำเอาอาเจ๊นัทอุทานออกมาว่า "เอ๋...มรึงต้องแบบนี้สิฟระ เป็นนักสืบมันต้องแบบนี้"ต่อมาที่อัพเกรดจากภาคแรกคือระบบอัพเกรด ในภาคนี้การอัพเกรดไม่ว่าจะอัพเกรดความสามารถตัวละคร หรือ อัพเกรดปืน มีลูกเล่นใหม่ๆ มากขึ้น คือเราไม่สามารถอัพเกรดได้สุดแบบภาคแรก แต่จะต้องหาไอเท็มเพื่อปลดล็อคความสามารถเพื่ออัพเกรดไประดับเลเวลขั้นต่อไป ที่น่าสนใจก็คือภาคนี้มีการเพิ่มระบบ Crafting เข้ามาทำให้เราสามารถหาวัตถุดิบมาสร้างกระสุน หรือ ยาเพิ่มเลือดได้ โดยจะมีจุดให้สร้างในบริเวณที่ปลอดภัย หรือ ใช้กล่องสร้างเวลาอยู่ข้างนอก แต่ก็แลกมาด้วยการใช้วัตถุดิบที่มากขึ้น"ระบบสร้างไอเท็มและระบบอัพเกรดที่ยกระดับขึ้นไปอีกขั้น"ต่อมาที่น่าสนใจก็คือทักษะพิเศษที่ได้จากการปลดล็อคความสามารถตัวละคร ตรงนี้ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่ทำให้ภาคนี้มันสนุกมากขึ้น เช่น มีทักษะที่ช่วย Counter การโจมตีเวลาถูกศัตรูจับ หรือ ทักษะหลบหลีการโจมตีศัตรู เป็นต้น นอกจากนี้ยังเพิ่มระบบล้อมสังหารเข้ามา ซึ่งเราสามารถที่จะหลบศัตรูเข้าไปแถวพุ่งไม้แล้วไปค่อยๆ ไปจัดการศัตรูได้ด้วย ตอนอาเจ๊นัทเล่นก็คิดนะว่า "นี่ตูกำลังเล่น The Last of US อยู่ใช่เป่า!?"สุดท้ายแล้วระบบที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามาในภาคนี้ก็คือ "Side Mission" หรือ เควสต์เนื้อเรื่องรอง ซึ่งเป็นระบบที่น่าสนใจมากๆ คนที่ถามว่าแล้วแบบนี้จะเล่นแต่เนื้อเรื่องหลักไม่ทำเควสต์รองได้ไหม ตอบเลยว่าได้ค่ะ แต่สิ่งที่คุณพลาดไปก็คือเนื้อเรื่องส่วนเสริมที่จะอธิบายให้เข้าใจเนื้อเรื่องในภาคนี้มากขึ้น รวมไปถึงมันจะมีไอเท็มพิเศษมากมาย อาทิเช่น ปืนชนิดใหม่, ไอเท็มปลดล็อความสามารถ, กระสุน หรือ วัตถุดิบต่างๆ เป็นต้น ดังนั้นแนะนำว่าทำมันไปพร้อมๆ กับเควสต์เนื้อเรื่องจะดีมากเลยค่ะ"ระบบเควสต์รองที่ถ้าคุณไม่ทำก็จะพลาดอะไรไปเยอะเลย"ในเรื่องของกราฟฟิคมีการปรับปรุงจากภาคแรกอย่างเห็นได้ชัด ปัญหาเรื่องกินหน้าจอแบบภาคแรกก็หมดไป แต่ถ้าใครชอบแบบนั้นเมื่อเล่นจบ 1 รอบก็มีออฟชั่นให้เปิดปิดเหมือนกันนะ จากที่อาเจ๊นัทลองเล่นมาก็ยังไม่เจอปัญหาอะไรที่น่ากวนจิตกวนใจเท่าไหร่ จะมีก็การแสดงผลที่ผิดพลาดในบางครั้งเท่านั้นเอง เอาเป็นว่าถ้าให้คะแนนกราฟฟิคเจ๊ให้ 4.5/5 เลยก็แล้วกันค่ะสำหรับเกม The Evil Within 2 เป็นเกมแอ็คชั่นภาคต่อที่กล้าออกนอกกรอบของตัวเอง ไม่ยึดติดเหมือนภาคแรกจนทำให้เกมเกิดดราม่าและต้องมาแก้ไขตัวเกมในภายหลัง ภาคนี้เรียกว่ามีกลิ่นไอความเป็นเกมแอ็คชั่นที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเกมอื่นๆ โดยนำระบบจากเกมนั้น เกมนี้มาใส่จนกลายเป็นระบบที่ทำให้เกมนี้ดูสมบูรณ์แบบมากขึ้น ระบบเควสต์รองที่ตื่นตาตื่นใจ ทำให้ไม่น่าเบื่อสักเท่าไหร่ ถ้าจะให้ติก็คือ "เกมมันยากจังฟระ!!!" เท่านั้นเอง 555+ โดยเฉพาะเวลาสู้กับศัตรูในระยะใกล้ๆ มักจะทำให้เรายิงพลาดเสมอๆ เพราะพี่แกเดินโยกไปโยกมาบ่อยๆ แนะนำว่าใครที่ชอบความท้าทายก็เล่น Nightmare Mode เรียกว่ายากสมชื่อแน่นอน!!! ให้คะแนนความพึ่งพาใจอยู่ที่ 8/10