สวัสดีค่ะ กลับมาพบกับอาเจ๊นัทและทีมงาน PlayUlti กันอีกเช่นเคยนะคะ ปกติแล้วอาเจ๊นัทจะเขียนบทความรีวิวในเวอร์ชั่นเกมเป็นหลัก มาในรอบนี้อาเจ๊นัทขอเขียนบทความรีวิว [Review] เกี่ยวกับภาพยนตร์ที่น่าดูในช่วงนี้ให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันค่ะ ซึ่งภาพยนตร์ที่อาเจ๊นัทจะรีวิวถูกดัดแปลงเนื้อหามาจากวีดีโอเกมชื่อดังนั้นก็คือ "Tomb Raider" ที่ตอนนี้กำลังเข้าฉายในโรงภาพยนตร์กันอยู่ ใครที่ยังไม่ได้ไปรับชมภาพยนตร์แต่อยากจะอ่านบทความรีวิวจากทีมงานก่อน ก็ได้นะคะ แต่ยอมรับว่ามันคือภาพยนตร์จากวีดีโอเกมที่สนุกมากๆ เรื่องหนึ่งเลยล่ะ!!!
เนื้อเรื่องใน Tomb Raider ฉบับภาพยนตร์"ลาร่า ครอฟต์" ลูกสาวมหาเศรษฐีที่มีธุรกิจมากมายเรียกว่ามีเงินใช้ชาตินี้ก็ไม่หมด แต่พ่อของเขาเธอกลับชื่นชอบการสำรวจโลกและรักการผจญภัยทำให้ต้องออกเดินทางอยู่บ่อยครั้ง จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้มาลาเธอเหมือนอย่างเคยแต่ดูเหมือนว่านั้นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ลาร่าได้เห็นพ่อตนเอง ระยะเวลาผ่านไปยาวนานหลายปีมากๆ จนกระทั่งเธอก้าวสู่วัย 21 ปี เธอกลับไม่สนใจชีวิตที่สวยหรูและตอบปฏิเสธการรับมรดกของพ่อทั้งหมด เธอเองใช้ชีวิตความเป็นอยู่อย่างยากลำบาก แต่เธอกลับไม่แคร์แล้วรู้สึกสนุกไปกับมัน สุดท้ายแล้วลาร่าก็ได้พบกับจิ๊กซอว์ปริศนาที่พาเธอไปพบกับห้องทำงานลับของพ่อ
ภายในห้องทำงานของพ่อเธอมีหลักฐานที่บอกว่า "พ่อของเธอได้เสียชีวิตไปแล้ว" พร้อมกับคำสั่งเสียว่าองค์กร Trinity กำลังที่จะค้นหาตำนานเจ้าหญิงฮิมิโกะ บนเกาะลึกลับที่ชื่อว่า "ยามาไต" เธอจึงตัดสินใจที่จะเดินทางไปที่นั้นเพื่อหวังว่าจะได้ข้อมูลการตายของพ่อ แต่ดูเหมือนเรื่องราวมันจะเลวร้ายกว่าที่คิดมากทำให้เธอต้องตัดสินใจใช้สติปัญญาที่มีอยู่เพื่อเอาตัวรอดและหาทางยับยั้งไม่ให้องค์กร Trinity เข้าถึงหมายเป้าให้จงได้พูดคุยเรื่องบทภาพยนตร์ Tomb Raider กันหน่อย!?ก่อนอื่นเลยอาเจ๊นัทอยากให้เพื่อนๆ ทุกๆ คนสลัดภาพเดิมที่ "แอนเจลีนา โจลี" เคยแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Lara Croft: Tomb Raider และ Lara Croft Tomb Raider: The Cradle of Life ออกไปให้หมดค่ะ เพราะเนื้อหา เนื้อเรื่องทั้งหมดในภาพยนตร์ Tomb Raider ฉบับนี้มันคือการรีเมคเนื้อเรื่องใหม่ทั้งหมด โดยเนื้อเรื่องจะอ้างอิงจากเวอร์ชั่นเกม Tomb Raider ( 2013 ) ประมาณ 90% เกี่ยวกับตำนานเจ้าหญิงฮิมิโกะ และ อ้างอิงองค์กร Trinity จาก Rise of the Tomb Raider ( 2016 ) ประมาณ 10% ถ้าถามว่าคนที่ไม่เคยเล่นเกมมาก่อนจะดูรู้เรื่องไหม ขอบอกตรงนี้ว่า "รู้เรื่องแน่นอนค่ะ" อย่างที่บอกว่าอย่าเอาไปอ้างอิงเวอร์ชั่นที่แอนเจลีนา โจลีแสดงก็พอมีกระแสมากมายที่อาเจ๊นัทลองไปไล่อ่านคอมเม้นต์ทั้งไทยและต่างประเทศ บ่นว่าในช่วงแรกตัวภาพยนตร์เล่าเรื่องราวของ "ลาร่า ครอฟต์" ยาวไปสักหน่อย แต่ส่วนตัวอาเจ๊นัทกลับมองว่าที่เล่าถึงเธอมันกลับไม่ได้ยาวอะไรมาก อย่าลืมว่าคนที่ไม่เคยเล่นเกมนี้ก็มีเยอะแยะมาก การที่เล่าเรื่องราวของเธอมันไม่ได้ยาวเกินไปแม้แต่น้อย แถมให้ผู้ชมได้ทำความรู้จักตัวละครตัวนี้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย แล้วเมื่อบทดำเนินเนื้อเรื่องไปถึงจุดที่ควรจะเป็นมันก็เดินเรื่องราวต่อเนื่องไม่มีสะดุดทำให้เรารู้สึกตื่นเต้น, ลุ้น และ เอาใจช่วยเธอตลอดทั้งเรื่องเลยพูดถึง "อลิเซีย วิกันเดอร์" คนที่มารับบทเป็น ลาร่า ครอฟต์ หน่อยสิ!?จะเรียกว่าตั้งแต่ตัวอย่างแรกของภาพยนตร์เรื่อง Tomb Raider ออกมามันมีคำวิจารณ์ประโยคหนึ่งที่อาเจ๊นัทเห็นบ่อยมาก "หน้าอกหน้าใจ หรือ นมไม่ใหญ่พอไม่เหมาะหรอก" ขอพูดไว้ตรงนี้เลยนะคะ ว่ามันเป็นคำวิจารณ์ที่แย่มาก เพราะแม้แต่ลุคของเธอในเวอร์ชั่นเกมฉบับรีเมค เธอก็ไม่ได้ดูเซ็กซี่หรือทำอะไรที่มันดู 18+ นอกจากเสียงครางเพราะความเจ็บปวดที่อาเจ๊นัทเห็นด้วยว่ามัน "เซ็กซี่มั๊กๆ" อ่ะๆ กลับเข้าเรื่องกันต่อดีกว่า สำหรับ "อลิเซีย วิกันเดอร์" เอาจริงๆ นะ อาเจ๊นัทยังมีภาพติดต่อเธอจากภาพยนตร์เรื่อง The Danish Girl อยู่เลย แต่พอเธอมารับบทเรื่องนี้ เอ๊ย!!! เธอเหมาะจริงๆ นะ เพราะก่อนที่เธอจะมารับบทนี้ก็มีการฟิตร่างกายอย่างต่อเนื่อง 3 เดือนเพื่อให้เหมาะกับลุคสาวลุยๆ แบบ ลาร่า ครอฟต์เธอทำให้อาเจ๊นัทเชื่อว่านี่คือ "ลาร่า ครอฟต์" ในแบบที่เหมือนฉบับเวอร์ชั่นเกมมากๆ แววตาเวลาที่เธอเราจะเห็นได้ชัดเจว่าเธอรู้สึกยังไง กลัว, พร้อมสู้ หรือ ฉากเรียกน้ำตา เรียกว่าไม่มีใครที่จะเหมาะเป็นลาร่า ครอฟต์เท่าเธออีกแล้วแล้วพอดูภาพยนตร์ Tomb Raider จบเดินออกจากโรงรู้สึกยังไงบ้าง!?โห...เป็นคำตอบที่ตอบยากจริงๆ นะคะ เพราะส่วนตัวอาเจ๊นัทเล่นเกมทั้ง Tomb Raider ( 2013 ) และ Rise of the Tomb Raider ( 2016 ) มาแล้ว จะบอกว่ามีหลายฉากมากๆ ที่หยิบมาจากในเกม ถึงแม้จะแอบเสียดายที่อยากเห็นฉากๆ หนึ่งมากๆ แต่มันดันไม่ใช่นี่อะสิ ( ไม่ขอพูดละกันว่าฉายที่อยากเห็นคือฉากไหนกลัวมันจะไปสปอยอะเนอะ ) คืออย่างที่ทราบกันว่าส่วนใหญ่ภาพยนตร์ที่สร้างจากวีดีโอเกมมักจะออกมาไม่ดีนัก ถ้ากระแสดีก็คือดีไปเลย แต่ส่วนใหญ่มักจะแย่ใช่ไหมละ แต่ภาพยนตร์เรื่อง Tomb Raider ถือว่าทำออกมาได้ดีและประสบความสำคัญในฐานะภาพยนตร์ที่มาจากวีดีโอเกมเลยค่ะ นี่แทบลุ้นไปกับมันเลยว่าภาคต่อเขาจะเล่าถึงเนื้อหาในส่วนไหนกันบ้างสรุปแล้วให้คะแนนภาพยนตร์เรื่องนี้หน่อยสิ!?ถ้าให้คะแนนอยู่ที่ราวๆ 8.5 ละกันค่ะ ก่อนที่เพื่อนๆ จะไปรับชมภาพยนตร์เรื่อง Tomb Raider ขอให้ลืมเวอร์ชั่นที่เคยดูมาก่อนหน้านี้ แล้วลองเปิดใจดูเวอร์ชั่นนี้ คุณจะพบว่าภาพยนตร์ Tomb Raider เวอร์ชั่นนี้มันสนุกมากจริงๆ จนอาจจะทำให้คุณอยากลองไปเล่นเกม Tomb Raider ( 2013 ) และ Rise of the Tomb Raider ( 2016 ) เลยก็ได้
