เมื่อคริสตัลแห่งปีศาจมีพลังอำนาจเหนือกว่าคลิสตัลแห่งชีวิตจากทั้ง 5 อาณาจักร สิ่งเดียวที่จะป้องกันอำนาจของมันได้ก็คือเหล่าผู้กล้าทั้ง 5 จากอาณาจักรต่างๆ โดยนี่คือเนื้อเรื่องแบบคร่าวๆ ที่ผมพอจับประเด็นมาได้บ้างสำหรับเกม "The Tale of Five Kingdoms"(다섯왕국이야기) จากค่าย 4:33 Creative Lab ซึ่งเปิดให้เหล่าเกมเมอร์ได้เข้าไปทดสอบตัวเกมกันแล้วในรอบ Close Beta ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคมจนไปถึง 6 กันยายน โดยผมก็เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมทดสอบเกมนี้ และอยากจะหยิบยกความประทับใจจากตัวเกมมาเขียนให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน...
ชื่อเกม : The Tale of Five Kingdoms (다섯왕국이야기)
ผู้เปิดให้บริการ : 4:33 Creative Lab
ประเภท : Strategy RPG
ขนาดของเกม : 77.10 MB
The Tale of Five Kingdoms เป็นเกมแนว Strategy RPG ที่โดดเด่นทางด้านกราฟฟิกเป็นอย่างมาก ตัวเกมมาพร้อมเอกลักษณ์และวัฒนธรรมที่แตกต่างกันตามอาณาจักรต่างๆ ซึ่งนั่นทำให้เหล่าตัวละครจนรวมไปถึงมอนสเตอร์และฉากมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด โดยนอกจากกราฟฟิกอันทรงเอกลักษณ์แล้ว ภายในเกมยังมีรูปแบบการเล่นเป็นแนว Strategy หรือแบบการวางแผน จึงทำให้เกมเกมนี้โดดเด่นออกมาจากเกม RPG ทั่วๆ ไปอีกระดับหนึ่ง
ภายในเกมเราจะได้ฟอร์มทีมตัวละครขึ้นมาหนึ่งทีม โดยในทีมนั้นสามารถเซ็ตตัวละครลงไปได้มากสุด 5 ตัวละครด้วยกัน โดยตัวละครต่างๆ ของเกม The Tale of Five Kingdoms จะมีเอกลักษณ์ตามอาญาจักรที่ตนสังกัดอยู่ โดยไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหน้าผมจนไปถึงรูปแบบการโจมตีหรือการใช้สกิลต่างๆ ซึ่งถือเป็นอะไรที่หาได้ยากจากเกมในสไตล์เดียวกันเกมอื่นๆ
ตัวละคร
ภายในเกมสามารถแบ่งตัวละครออกเป็น 2 รูปแบบด้วยกัน คือ "โจมตีระยะใกล้" และ "โจมตีระยะไกล" ซึ่งการวางตำแหน่งของตัวละครเหล่านี้มีความจำเป็นเป็นอย่างมาก และส่งผลต่อรูปแบบการต่อสู้ของทีมทั้งหมด นอกจากนี้ตัวละครต่างๆ ยังมีการสังกัดธาตุที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งมีผลทำให้ตัวละครแต่ละตัวมีการแพ้ทางที่แตกต่างกันไป
สำหรับในรอบ Close Beta ตัวละครต่างๆ จะมีระดับดาวสูงสุดอยู่ที่ 5 ดาวเท่านั้น โดยตัวละครแต่ละตัวจะมีเพียงจำนวนหนึ่งที่สามารถพัฒนาจนเป็นระดับ 5 ดาวได้ ซึ่งการที่เราจะอัพดาวเพิ่ม เราจำเป็นต้อง "ตีบวกตัวละคร" ให้ถึง +5 เสียก่อน พร้อมกับมีเลเวลสูงสุดอีกด้วย โดยการตีบวกตัวละครจะเป็นการนำตัวละครที่เราไม่ได้ใช้มาย่อยให้กับตัวละครที่เราต้องการ
และสำหรับ "การอัพดาวตัวละคร" เราจำเป็นต้องมีตัวละครที่ตัวเกมกำหนดไว้เสียก่อนถึงจะอัพดาวตัวละครขึ้นไปอีกหนึ่งระดับได้ ทั้งนี้การอัพดาวตัวละคร นอกจากจะทำให้ตัวละครตัวนั้นแข็งแกร่งขึ้นแล้ว ยังเป็นการเปลี่ยนรูปลักษณ์ตัวละครตัวนั้นไปอีกด้วย
ส่วนถ้าหากใครคิดว่าเลเวล 30 มันยังน้อยไป เพื่อนๆ ยังสามารถเพิ่มเลเวลตัวละครตัวนั้นให้เกินระดับเลเวลที่ต้องการได้ผ่านระบบ "Transcende" ซึ่งเราจำเป็นต้องมีตัวละครที่ทางระบบระบุไว้เสียก่อน พร้อมกับต้องมีเลเวลสูงสุดสำหรับตัวละครนั้นๆ อีกด้วย
นอกจากระบบอัพสเตตัสตัวละคร ตัวละครยังมีการเพิ่มค่าสเตตัสต่างๆ ผ่าน "ไอเทมสวมใส่" ได้อีกด้วย โดยไอเทมที่เราสามารถใส่ได้จะประกอบไปด้วย 5 สิ่งด้วยกันคือ อาวุธ, ชุดเกราะ, ถุงมือ, รองเท้า, แหวน, และสร้อย
สำหรับ "สกิล" ของตัวละครต่างๆ จะมีจำนวนที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งตัวละครทั่วไปจะมีสกิลสูงสุด 4 สกิลเท่านั้น และตัวละครพิเศษจะมีสกิลสูงสุด 5 สกิลด้วยกัน โดยทั้ง 5 สกิลนี้จะประกอบไปด้วย สกิลกดใช้ 2 สกิล, สกิลพาสซีฟ 1 สกิล, สกิลท่าไม้ตาย 1 สกิล (ตัวละครพิเศษ และต้องมีระดับ 4 ดาวขึ้นไปเท่านั้นถึงใช้ได้), สุดท้ายคือสกิลจากอัญมณีปีศาจอีก 1 สกิล ทั้งนี้เราสามารถอัพเลเวลสกิลของเราให้สูงขึ้นไปได้อีกด้วย
การจัดทีม
ภายในเกมเราสามารถจัดทีมตามตำแหน่งที่แตกต่างกันได้ 4 รูปแบบด้วยกัน โดยแต่ละรูปแบบจะมีการเพิ่มค่าสถานะของตัวละครต่างๆ ที่แตกต่างกันไป โดยในส่วนนี้เราจำเป็นต้องรู้ก่อนว่าตัวละครของเราเหมาะกับตำแหน่งไหน และมีรูปแบบโจมตีระยะใกล้ กับโจมตีระยะไกลอย่างละกี่ตัว แล้วค่อยมาเลือกว่าจะใช้รูปแบบจัดทีมแบบไหนถึงจะดีที่สุด
ความพิเศษของเกมเกมนี้ก็คือมีระบบให้เราสามารถเข้าไปทดลองการใช้สกิลหรือทดลองรูปแบบการจัดทีมได้อย่างหลากหลาย โดยใน "โหมดทดสอบ" เราสามารถรีเซ็ตการทดสอบได้อย่างไร้ขีดจำกัด จนรวมไปถึงการเพิ่มตัวละครเข้ามาต่อสู้ที่สามารถเลื่อกตัวละครตัวไหนออกมาก็ได้
ไอเทม
ไอเทมสวมใส่ทั้งหมดภายในเกมนี้สามารถนำมา "ตีบวก" ได้ โดยการตีบวกไอเทมสวมใส่แต่ละชิ้นจำเป็นต้องย่อยไอเทมสวมใส่ที่ไม่ต้องการใช้ให้กับไอเทมที่เราต้องการตีบวกนั้นๆ นอกจากนี้ตัวเกมยังเปิดกว้างให้เราสามารถ "สร้างไอเทมสวมใส่" ได้อีกด้วย โดยไอเทมสวมใส่แต่ละแบบจะมีความต้องการใช้ไอเทมที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งยิ่งไอเทมที่เราต้องการสร้างหายากมากเท่าไหร่ ของที่ต้องนำมาใช้ก็ยิ่งหายากมากขึ้นเท่านั้น
โหมดการเล่นแบบต่างๆ
"โหมดเนื้อเรื่อง" จะเป็นโหมดที่จะให้เราได้ผจญภัยไปยังด่านต่างๆ ตามที่เนื้อเรื่องกำหนดไว้ โดยในหนึ่งด่านใหญ่จะประกอบไปด้วย 10 ด่านย่อย ซึ่งในด่านที่ 10 จะเป็นด่านที่เราจะได้ปะทะกับบอสใหญ่ประจำด่านใหญ่นั้นๆ
สำหรับ "โหมดพิเศษ" ของเกมนี้มีทั้งหมด 6 โหมดด้วยกัน ซึ่งในรอบ Close Beta นี้จะเปิดเพียง 4 โหมดเท่านั้นคือ ปีนหอคอย, PVP, ดันเจี้ยนล่าไอเทม, และ Raid ทีั้งนี้ผมสามารถปลดล๊อคด่านพิเศษนี้ได้เพียงสามด่านเท่านั้น ซึ่งแต่ละโหมดมีข้อมูลต่างกันดังนี้
"ปีนหอคอย" เป็นโหมดล่าไอเทมสุดสนุก ซึ่งถ้าเราสามารถไต่ชั้นหอคอยไปได้สูงมากขึ้นเท่าไหร่ ไอเทมที่เราจะได้รับก็จะยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น, "PVP หรือ Cartel" เป็นโหมดต่อสู้กับผู้เล่น โดยในโหมดนี้เราจะทำได้แค่ดูทีมของเราต่อสู้เท่านั้น เพราะเราจะไม่สามารถเข้าไปควบคุมตัวละครต่างๆ ได้เลย, "ส่วนดันเจี้ยนล่าไอเทม" จะเป็นโหมดที่ให้เราพิชิตดันเจี้ยนนั้นๆ เพื่อนำของรางวัลต่างๆ ออกมา
สิ่งที่ทำให้เกม The Tale of Five Kingdoms โดดเด่นนั่นก็คือ กราฟฟิกและการออกแบบที่มีเอกลักษณ์ จนรวมไปถึงท่าอนิเมชั่นต่างๆ ที่ลื่นไหลดุสบายตาเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เอฟเฟคตอนใช้สกิลยังมีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะสกิลท่าไม้ตายของตัวละครพิเศษที่สามารถพลิกเกมจากที่กำลังแพ้กลายเป็นชนะได้อย่างอัศจรรย์ นอกจากนี้ระบบวางแผนของตัวเกม สำหรับผมแล้วถือเป็นระบบที่สร้างความหลากหลายในการเล่นมากขึ้น เพราะการ Auto ภายในเกมไม่ได้ทำออกมาให้ฉลาดมากนัก ดังนั้นระบบวางแผนจึงเป็นตัวแปลสำคัญที่จะทำให้การต่อสู้ของเราง่ายขึ้นมากกว่าเดิม
อย่างไรก็ตามในช่วง Close Beta หลังจากที่ผมได้ลองสัมผัสตัวเกมมาซักพักหนึ่ง ผมว่า The Tale of Five Kingdoms เป็นเกมที่มีสเน่ห์นะครับ ตัวเกมมีกราฟฟิกและการออกแบบที่โดดเด่นจนเรียกได้ว่าน่าชื่มชมเลยก็ว่าได้ โดยนอกจากเรื่องกราฟฟิกแล้ว ในตัวระบบยังมีการออกแบบได้อย่างลงตัว ทั้งนี้ในการเปิดให้บริการรอบหน้า เราอาจได้เห็นอะไรเจ๋งๆ จากเกมตัวนี้เพิ่มเติมก็ได้ ซึ่งจะเป็นอะไรนั้นคงต้องตามดูกันต่อไป ส่วนบทความในครั้งนี้ขอบคุณครับ
เว็บไซต์หลักของตัวเกม : คลิ๊กที่นี่, Facebook : คลิ๊กที่นี่
