- เกมมีกำหนดจะปล่อยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2019 นั่นหมายถึงว่าในช่วงกลางปี 2018 ไปจนถึงต้นปี 2019 เราอาจจะเห็นข้อมูลหลุด ภาพ หรืออะไรๆที่มากขึ้น ตอนแรกเกมมีกำหนดปล่อยในช่วงปลายปี 2018 แต่ข่าวล่าสุดนี้อาจจะเป็นต้นปี 2019 แทน
- ตอนแรกตัวเกมมีกำหนดจะเปิดตัวในงาน PSX อยู่แล้ว แต่ทาง Sony ได้ปรับขนาดสเกลงานของ PSX ลง และคาดว่าตัวงาน E3 2018 น่าจะเป็นการเปิดตัวที่ยิ่งใหญ่กว่า รวมไปถึง Sony ตัดสินใจที่จะเพิ่มขนาดสเกลงานของ E3 ด้วย Devil May Cry 5 เป็นหนึ่งในเกมที่ได้รับผลกระทบจากการตัดสินใจนี้ ทำให้ตัวเกมต้องเลื่อนไปเปิดตัวใน E3 2018 แทน
- อาจจะมี Demo ตัวเกมให้เล่นก่อนวางขายจริง
- ตัวเกมใช้เวลาพัฒนามาแล้วกว่า 2 ปี และหากมันเปิดตัวในช่วงปี 2019 จริง รวมแล้วเกมจะใช้เวลามากกว่า 3 ปี ข่าวรายงานว่าตัวเกมนั้นเริ่มโปรเจคท์พัฒนาตั้งแต่ปี 2015 แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ Devil May Cry 4 : Speciai Edition วางจำหน่ายแล้ว และตอนนี้การพัฒนา Devil May Cry 5 ก็เป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีสะดุดแต่อย่างใด
- มีความเป็นไปได้ที่ตัวเกมจะ Exclusive for Playstation เพราะ Sony มีส่วนร่วมในการออกทุนเพื่อพัฒนาเกมนี้ แต่ก็ยังเป็นข่าวลือ อาจจะเป็น Exclusive ก็ได้ หรือเป็น Timing Exclusive ก็ได้ (ลง PS4 ก่อนระยะเวลาหนึ่งแล้วจึงตามไปลง PC ทีหลัง)
- ตัวอย่างเกมตัวแรกจะมีความยาว 1 นาที 50 วินาที (อาจจะมีการตัดต่อเพิ่ม - ลดขนาดความยาวลงในภายหลัง) ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น Cutscene เสียมากกว่า Gameplay
- Cutscene อาจจะเยอะและยาวที่สุดเท่าที่ Devil May Cry เคยมีหรือทำมา
- เป็นความทะเยอทะยานครั้งยิ่งใหญ่ของแฟรนไชส์เกมนี้
- เนื้อเรื่องจะเริ่มหลังจาก Devil May Cry 4
- คุณจะได้เล่นมากกว่า 1 ตัวละครแน่นอน Dante นี่ชัวร์แล้ว Nero เองก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย ตอนนี้มีข่าวว่าสามารถเล่นได้มากที่สุด 3 ตัวละคร
- Dante ในภาคนี้จะมีคาแรคเตอร์ที่จริงจังและซีเรียสที่สุดเท่าที่เคยมีมา (เข้าด้านมืดเรอะ?) แน่นอนว่าไม่นับภาค 2 และเหมือนเดิมเขาจะยังคงเล่นกับศัตรูของเขาแถมมีไหวพริบที่เกินคน แต่ภาคนี้บุคลิกภาพของเขาจะชัดเจนมากยิ่งขึ้น
- ตัวละครที่ 3 จะเป็นตัวละครที่ "แข็งแกร่งมาก" และ อาจจะเป็นตัวละครที่เคยปรากฎตัวในซีรีส์มาแล้ว
- มีระบบ Hard Lock
- ตั้งเป้าหมายจะรัน 60 เฟรมเรทได้บนเครื่องคอนโซลด้วย เหมือนกับ Devil May Cry ภาคก่อนๆ
- การออกแบบเลเวลและความยากของตัวเกมจะเปิดกว้างกว่า Devil May Cry ภาคก่อนหน้า แต่รับรองว่าไม่ยากแบบซีรีส์ตระกูล Dark Souls หรือผันเกมไปเป็น Open World แน่นอน รูปแบบการเคลื่อนไหวจะสอดคล้องกับระบบใหม่ๆ
- ไม่มีแถบ Stamina
- ศัตรูที่เจออาจจะเยอะและจำนวนมากขึ้นกว่าเกมภาคก่อนๆ แต่รับรองอีกเช่นกันว่าเกมมันจะเปลี่ยนไปเป็นแนว Musou แบบ Dynasty Warriors
- อาจจะมีระบบออนไลน์เข้ามา และมันจะไม่ใช่การ PVP
- ระบบการหลบหลีกอาจจะคล่องตัวมากขึ้น
- ภารกิจและระบบ Rank จะเหมือนภาคก่อนๆและเกม Bayonetta นั่นคือการเลือกภารกิจและ Chapter