คราวนี้เป็นบทความสั้นๆครับซึ่งผมได้ยินมาว่า ยังมีมือใหม่ที่ยังไม่ค่อยรู้จักเจ้าModules หรือที่หลายๆคนเรียกมันว่าMod นั่นเอง ซึ่งเจ้า Modเนี่ยถือเป็นปัจจัยสำคัญในด้านการเสริมความสามารถให้Warframe หรืออาวุธต่างๆที่เราใช้อยู่ เพราะต่อให้Warframe หรือปืนคุณดีแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีMod ช่วย คุณอาจจะฆ่าศัตรูไม่ได้เลยจนกระสุนหมดเลยก็ได้ เพราะงั้น Modจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในเกมนี้ เรียกได้ว่าเป็นตัวปลุกความสามารถที่มีอยู่ในตัวอุปกรณ์นั้นออกมาเลยก็ว่าได้
ก่อนอื่นเลยคิดว่าทุกคนคงเคยสังเกตุบ้างแล้วว่าทำไม Modถึงมีสีตรงขอบไม่เหมือนกัน ซึ่งมันมีไว้บอกระดับความหายากของMod นั่นเอง
ไล่ระดับความหายากจากRare > Uncommon > Common
ถึง Mod ระดับCommon จะหาง่ายแต่ก็ไม่ได้หมายความว่า Mod Common จะมีประโยชน์น้อยหรือไม่มีประโยชน์เพราะทุก Mod ในเกมนี้ย่อมมีวิธีใช้ให้เกิดประโยชน์ของมันอยู่
มาดูรายละเอียดภายในMod กันบ้าง
1.Capacity drain :เป็นค่าที่ใช้ในการใส่ Mod โดยจะเพิ่มขึ้น ตามระดับRank ของ Mod
2.Polarity :เป็นสัญลักษณ์ที่ใช้ลดการใช้ Capacity drain ของMod หากใส่ตรงกับช่องที่มีPolarity เดียวกัน
ตัวอย่างช่องใส่ Mod ที่มีPolarity
(Tip : การใส่Polarity จะช่วยให้คุณลดการใช้Capacity ลงได้ครึ่งหนึ่ง จากที่ควรใช้ แต่ถ้าคุณใส่Polarity ผิด มันจะ Drain capacityคุณเพิ่มขึ้นแทน ตาม Rank ของMod)
3.Mod name :ชื่อและคุณสมบัติของ Mod โดยคุณสมบัติของMod จะเพิ่มขึ้นตามระดับ Rank ของMod
4.Rank : ระดับของMod โดยถ้าเราเพิ่งได้ Mod มาใหม่ๆไฟสีฟ้าจะเป็นสีเทา และไฟสีฟ้าจะสว่างขึ้นมา 1 ช่อง ทุกครั้งที่Rank ของ Mod เพิ่มขึ้น
(Tip : คุณสามารถเพิ่มระดับMod ได้สองวิธีหลักๆคือ
1.ใช้ Mod ชนิดเดียวกัน มาFusion กันเพื่อเพิ่ม Rankเป็นวิธีที่เหมาะกับ Mod ที่หาง่าย
2.ใช้ Fusion core ในการFusion Mod วิธีนี้จะอัพ Rankง่ายกว่าวิธีแรก แต่สิ้นเปลือง Fusion coreเป็นวิธีที่เหมาะกับ Mod ที่หายาก
ส่วนอีกวิธีหนึ่งที่ไม่ค่อยแนะนำ คือการเอาMod ที่ดรอปจำนวนมากมาใช้แทน Fusioncore ซึ่งนอกจากจะสิ้นเปลืองแล้ว ยังอัพRankได้ช้ามากๆอีกด้วย)
หน้าตาของ Fusion Coreโดยจะมีการแบ่งเกรดเป็น Rare >Uncommon > Common เช่นกัน
5.Conclave :เป็นค่าที่ใช้ในการคัดเลือกผู้เล่น ให้อยู่ในระดับเดียวกันเวลาเข้าต่อสู้ในโหมด Player Versus Player โดยMod ยิ่งส่งผลต่อระบบ PVPมากเท่าไหร่ ก็จะมีค่า Conclaveสูง���ากขึ้นเท่านั้น
6.Compatibility : ใช้บอกว่าMod อันนี้ ต้องใส่กับอะไร โดยถ้าเป็นการสกิลจะบอกให้รู้ว่า ใช้กับ Warframe ตัวใด แต่ถ้าเป็นMod อาวุธ ก็จะบอกเป็นประเภทของอาวุธแทน
ส่วนเรื่องการเลือกใช้ Modให้เหมาะสมกับ Warframeนี่คงต้องบอกว่าพูดยากมากครับ เพราะ Modถูกออกแบบมาให้เราใช้มันเพื่อสร้างสรรค์รูปแบบการเล่นเฉพาะตัวของเราเองได้ผมเองก็ยังเคยเห็น Rhino ที่ใส่Mod เพิ่ม Durationเต็มที่จนกดสกิล 1 ที พุ่งไปไกลจนลับตาเลยล่ะครับและด้วยลูกเล่นแบบนี้นี่แหล่ะครับที่ทำให้เราได้เห็นการเล่นอะไรแปลกๆใหม่ๆอยู่เสมอ
ก็คงจะเข้าใจกันมากขึ้นเกี่ยวกับระบบ Mod ขึ้นมาบ้างแล้วสินะครับผมเองก็อยากให้มือใหม่ทุกคนลอง Build Modแปลกๆใหม่ๆ ขึ้นมาเล่นกันสนุกๆบ้างเหมือนกันครับจะได้เล่นได้ไม่เบื่อง่ายๆ
ติดตามผลงานต่อได้ที่ FanpageWarframeTH นะครับ
