Kingdom Under Fire 2 ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่าพัฒนาในขณะนี้ ทางผู้พัฒนา Blueside กำลังทำงานนี้อย่างต่อเนื่อง และนี่คือบทสัมภาษณ์ล่าสุดจาก Game Director คุณ “Lee Sang-youn” เกี่ยวกับเกมนี้ จะน่าสนใจขนาดไหนและมีอะไรบ้างก็ลงมาอ่านกันเล้ย
แผนการเปิด Open Beta ที่รัซเซียและแผนการต่อไปของโซน NA/EU!!
Lee กล่าวว่า “Kingdom Under Fire 2 (KUF2) ใช้เงินทุนถึง 78ล้านเหรียญ USD ซึ่งมันเป็นเกมที่มีค่าพัฒนาที่สูงที่สุดเท่าที่วงการเกมเกาหลีเคยทำมาเลยทีเดียว KUF2 จะเริ่มเปิด beta test ที่จีนในเดือนมีนาคมนี้และหลังจากนั้นก็จะเปิด Open Beta หลังจากนั้น”
“จีนจะเป็นประเทศแรกที่ KUF2 จะเปิด Open Beta และหลังจากนั้น 1 – 2 เดือนเราก็จะเริ่ม Beta test ที่ไต้หวัน” Lee กล่าว “หลังจากนั้นเกมเวอร์ชั่นรัซเซียจะเริ่มเปิด Closed beta ในฤดูร้อนปี 2017 และจะเปิด Open beta ในฤดูใบไม้ผลิ, หลังจากนั้นจะเป็นคิวของโซน NA, EU, KR, JP และโซนอื่นๆต่อไป, โดยเราวางแผนที่จะเปิดตัวเกมในเวอร์ชั่น PC และ PS4 พร้อมๆกันในโซน NA และ EU”
Blueside 3.0 engine จะรองรับการแสดงผล Units ในเกมถึง 60,000 Units ในเกมพร้อมๆกันในหน้าจอเดียว
KUF2 นั้นได้ถูกพัฒนาจาก Engine Blueside 2.0 ที่รองรับการแสดงผล 10,000 units ในหน้าจอเดียว แต่ Engine ที่เราใช้ในขณะนี้ไม่ได้ต้องการ PC High-end ที่สเปคสูงมากนัก ผู้เล่นสามารถที่จะใช้แค่การ์ดจอ Geforce 88000GT เท่านั้นก็สามารถเล่นเกมนี้ได้อย่างลื่นไหลแล้ว ซึ่งนี่เป็นผลจากการศึกษาเทคโนโลยีการแสดงผลในสเกลขนาดใหญ่ของบริษัทเราตั้งแต่ปี 2002
Blueside 3.0 engine จะรองรับการแสดงผล Units ในเกมถึง 60,000 Units ในเกมพร้อมๆกันในหน้าจอเดียว จุดเด่นนี้เป็นเรื่องยากที่เอนจิ้นจากบริษัทอื่นจะทำให้ได้เท่าของเรา ยกตัวอย่างเช่น Unreal Engine จะต้องถูกออกแบบใหม่เลยทีเดียวถ้าอยากจะทำให้ได้เท่าเอนจิ้นของเรา
“จุดที่ยากที่สุดคือการลดความหนาแน่นของข้อมูลที่ส่งผ่าน Network เวลาที่คุณมี Units ตัวละครอยู่มากๆในหน้าจอเดียวกัน, ยกตัวอย่างเช่น การแสดงผล Units 10,000 units พร้อมๆกันในหน้าจอเดียวจะทำให้เกิดข้อมูลถึง 100K/S บนฝั่ง Sever เลยทีเดียว ซึ่งในความเป็นจริงแล้วนี่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับอินเตอร์เน็ตในประเทศเกาหลีใต้หรอก แต่ประเทศส่วนใหญ่รวมถึงจีนนั้นมีปัญหาเรื่องที่ว่ามานี้ เราจึงถูกขอให้ออกแบบการส่งผ่านข้อมูลที่น้อยกว่า 30K/S, หลังจากการพัฒนานาน 3 ปี ในที่สุดเราสามารถลดขนาดข้อมูลได้จนเหลือ 11K/S ในที่สุด”
Lee ยืนยันว่า KUF2 ในเวอร์ชั่น PS4 จะมาพร้อมกับ Engine Blueside 3.0 ตอนเปิดตัวแน่นอน และฝั่ง PC เวอร์ชั่นจะได้รับการอัพเกรดเป็น Engine ตัวใหม่หลังจาก PS4 ไม่นาน
Endgame content และ Classes ใหม่ๆอีกมากกำลังอยู่ระหว่างพัฒนา
ทีมออกแบบกำลังออกแบบ End-game contents ออกมาเรื่อยๆ และหนึ่งในนั้นคือ Raid battle สุดอลังการที่มีหลายส่วนและเนื้อเรื่องในตัวมันเอง Lee กล่าวว่าผู้เล่นอาจต้องใช้เวลามากถึง 3 เดือนเลยทีเดียวที่จะจบ Raid นี้, และอื่นๆ เราจะเพิ่มประสบการณ์การเล่นใหม่ๆให้ผู้เล่นใหม่ผ่าน user interface ที่พัฒนาขึ้น, ในอนาคตเกมจะมีคลาสใหม่ๆรวมถึง Elementalist, Sorceress (Black Mage), Paladin ทางเราวางแผนที่จะเพิ่มคลาสใหม่ทุก 4 – 5 เดือน
วิดีโอแนะนำอาชีพใหม่ "Elementalist"
ในส่วนของ Units, ทางทีมพัฒนาวางแผนที่จะให้ผู้เล่นสามารถใช้งาน units ได้ถึง 120 units แบบต่างๆกันในเวอร์ชั่นจีนที่กำลังจะเปิด Close Beta ในเดือนมีนาคมนี้, อย่างไรก็ดี ทางผู้พัฒนาได้เตรียม units ไว้ราวๆ 350 units และคิดว่าจะเพิ่ม units ใหม่ๆทุกๆ 1 – 2 เดือน “เราไม่ได้ต้องการที่ผลักให้ผู้เล่นใช้ units ใหม่ๆมากจนเกินไป โดยเฉพาะผู้เล่นใหม่ ในระยะเวลาสั้นๆ มันน่าจะเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะเรียนรู้ในการใช้ unit” Lee กล่าว
จะมีระบบสร้างเมืองและการพัฒนาเมือง ซึ่งมันจะเป็นส่วนหนึ่งของระบบกิลด์ “หลังจากที่เราสามารถครอบครองดินแดนได้แล้ว, กิลด์สามารถสร้างป้ายกิลด์และสิ่งก่อสร้างอื่นๆอย่างรูปปั้นของกิลด์ได้ด้วย กิลด์สามารถใช้แต้มกิลด์เพื่อปลดล็อคสิ่งอำนวยความสะดวกและสิ่งก่อสร้างใหม่ๆที่ผลิตไอเทมที่เป็นประโยชน์ได้, มันจะไม่เหมือนกับบ้านกิลด์ในเกม MMO’s เกมอื่นๆ ใน KUF2 อาณาเขตของกิลด์จะเป็นเหมือนเมืองขนาดที่สามารถอัพเกรดได้ อีกทั้งกิลด์ของคุณยังสามารถค้าขายกับกิลด์อื่นๆผ่านทางระบบ Guild town ได้อีกด้วย”
Concept art อาชีพ "Paladin"
Concept art อาชีพ "Sorceress"
Kingdom Under Fire VR กำลังอยู่ในระหว่างทดลอง!!
“Engine Blueside 3.0 จะเป็นตัวสนับสนุนที่ดีสำหรับการเล่นเกมแบบ VR มันคือความก้าวหน้าอันยิ่งใหญ่ของโลก VR และมันได้ก้าวข้าม Unreal Engine 4 ในภาพรวมๆ” Lee กล่าว
Lee กล่าวว่า ผู้เล่น KUF2 สามารถที่จะใช้ VR headset ได้ในเกมเวอร์ชั่น PC นี้ พวกเขาจะเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนา KUF สำหรับ VR จากจุดเริ่มต้น, "ในตอนนี้เรากำลังทดสอบและหากทำได้เราอยากที่ก็จะนำ Kingdom Under Fire เข้าสู่โลก VR แต่ถ้าในตอนนี้ยังไม่ได้ล่ะก็เราก็มีแผนที่จะนำเกมอื่นๆในชื่อของ Kingdom Under Fire ทำเป็น VR เกมแน่นอน"
อย่างไรก็ดี ทางผู้พัฒนายังคงพบอาการ Motion Sickness จากการเล่นเกมผ่น VR บน Blueside 3.0 Engine อยู่ ทางแก้ปัญหาตอนนี้คือ ทำให้เกม run ด้วย FPS ที่สูงที่สุด “ผู้เล่นจะเกิดอาการวิงเวียนอย่างรวดเร็วถ้าเล่น VR game ด้วย FPS 30 frames, เราเชื่อว่า 60FPS คือขั้นต่ำของ spec ที่ต้องการและ 120FPS คือ spec ขั้นแนะนำ”
ตลาด VR นั้นผลักดันให้ VR game เพิ่มการแสดงผลต่อเฟรม (FPS) ให้มากขึ้น ซึ่ง Blueside 3.0 นั้นเป็น Engine ที่เหมาะสมเป็นอย่างมากนั่นเอง
ที่มาข่าว : http://2p.com/47235643_1/Kingdom-Under-Fire-2-Starts-OBT-in-Russia-This-Fall-and-Then-Comes-to-NA-amp-EU-by-cerberus.htm
