รวมเกมดังที่สร้างขึ้นมาจากนิยาย เกมเมอร์คอนิยายห้ามพลาด!!

Playulti 13 Oct 2017, 13:30:38
ข่าวเกม Console

undefined

   เพิ่งวางจำหน่ายไปหมาดๆ กับเกม Middle-earth: Shadow of War เกมภาคต่อว่าที่ 1 ในผู้เข้าแย่งชิง Game of The Year ในปีนี้ จากความสำเร็จของภาคที่แล้วทำให้ภาคนี้เป็นเกมที่ถูกคาดหวัง แม้ว่าจะมีดราม่าปะปนมาเล็กน้อย กับโหมดใหม่ที่ผู้เล่นสามารถใช้เงินจริงซื้อไอเทม Loot Box เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับตัวละครและเหล่าออร์ค 

   สำหรับผู้ที่เล่นเกมนี้ ไม่ว่าจะภาค 1 และ ภาค 2 น่าจะทราบกันดีว่าตัวเกมนั้นสร้างมาจากโลก Middle-earth จักรวาลที่ J.R.R.Tolkein เป็นผู้สร้างไว้ หรือที่เรารู้จักจากนิยายดัง The Lord of the Ring และ Hobbit นั่นเอง ซึ่งเกมนี้เป็นเกมที่นำส่วนที่ไม่มีในนิยายมาขยายต่อ และเป็นช่วงเหตุการณ์รอยต่อของ The Hobbit และ The Lord of the Ring โดยมีบางส่วน อาทิ กอลลั่มได้มาแจมในเกมเสียด้วย อันที่จริง ตั้งแต่อุตสาหกรรมเกมริเริ่มนั้น เกมที่ทำมาจากนิยายก็มีมิใช่น้อย และแต่ละเกมที่มีการดัดแปลงมาจากนิยายนั้นค่อนข้างประสบความสำเร็จเสียด้วย วันนี้เราจึงมาเสนอ "เกมที่ดัดแปลงจากนิยาย" กันดีกว่า

The Witcher Trilogy

undefined

   The Witcher ซีรีส์เกมสร้างชื่อให้กับบริษัท CD Projekt จากค่ายเล็กๆ ในประเทศโปแลนด์ กับการพัฒนาสุดยอดเกม RPG ตะวันตกที่เป็นที่กล่าวขานกันมากที่สุดในยุคนี้ จุดริเริ่มของตัวเกมมาจากเหล่านักพัฒนาได้ขอซื้อลิขสิทธิ์นิยายชื่อเดียวกัน เป็นวรรณกรรมขายดีของประเทศโปแลนด์ จากปลายปากกาของ Andrzej Sapkowski เรื่องราวของกลุ่ม The Witcher นักล่าปีศาจ นำโดย Geralt of Rivia 

undefined

(Andrzej Sapkowski ผู้แต่ง The Witcher)

   สำหรับตัวเกมไม่ต้องสาธยายให้มาก ความสำเร็จของ The Witcher 3: Wild Hunt สามารถคว้ารางวัล Game of The Year 2015 แถมด้วยการออก DLC ที่หลายคนแทบจะยกให้เป็นอีกภาคต่อได้อย่างสบายๆ อย่างไรก็ตามตัวเกมไม่ได้ยกฉบับนิยายมาแปลงให้เป็นเกม แต่เนื้อเรื่องทั้งหมดถูกแต่งแต้มขึ้นใหม่จากทีมสร้างของ CD Projekt เอง โดยมีพื้นเพโลกของ The Witcher ที่ Andrzej Sapkowski สร้างเท่านั้น นับว่าเป็นหนึ่งในเกมที่สามารถดัดแปลงและก้าวข้ามต้นฉบับได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว

undefined

____________________________________

Spec Ops: The Line

undefined

   เมื่อใดก็ตามที่เราพูดถึงเกมที่ถูกมองข้าม เกม Underrated โพลล์ของหลายสำนักมักจะมีชื่อของ Spec Ops: The Line สม่ำเสมอ จริงๆแล้ว เกมนี้ควรจะได้รับกระแสตอบรับที่ดีมากกว่านี้ แต่ทว่าเกมประสบปัญหาของระบบ Gameplay ที่วนลูปการเล่นแบบเดิมๆ มีเพียงแค่ปักหลักจากฐาน รอศัตรู แล้วสวนกลับ จนทำให้คนมองข้ามจุดแข็งของเกม คือ "เนื้อเรื่อง" ที่แฝงไปด้วยความกดดัน การตัดสินความดี-ชั่ว ภาพสะท้อนของสงคราม และจุดหักมุมสำคัญในตอนจบ

undefined

   โดยแรงบันดาลใจของเกมนี้มากจากวรรณกรรมเรื่อง Hearth of Darkness ของ Joseph Conrad ที่เล่นในเรื่องแง่มุมศีลธรรม ของยุคสมัยที่ประเทศอังกฤษล่าอาณานิคมที่ท้าทายมุมมืดของมนุษย์ โดยในเกม Spec Ops: The Line มีชื่อของตัวละครสำคัญ John Konrad พ้องเสียงกับผู้แต่งวรรณกรรมชิ้นนี้เพื่อยกย่องอีกด้วย หากใครที่ยังไม่เคยเล่นต้องและมีสกิลด้านภาษาพอสมควรเราขอแนะนำเกมนี้จริงๆ!

____________________________________

  Metro 2033

undefined

   Metro 2033 เกมที่ว่าด้วยโลกอนาคตที่มนุษย์ย้ายไปปักหลักปักฐานอยู่ใต้ดิน มาด้วยมุมมอง FPS ที่ผสมผสานทั้งความน่ากลัวของดีไซน์สัตว์ประหลาดใต้พิภพ และความสนุกสุดมันส์ของระบบเกมเพลย์ยิงปืนที่เสียงปืนสุดสะใจ พร้อมกับเนื้อเรื่งที่เผยปริศนาออกมาทีละนิด การตั้งคำถามของตัวละครเอกที่ไร้ซึ่งความรู้ว่าบนโลกจริงๆ แล้วกลายสภาพไปเป็นเช่นไรแล้ว การเดินเรื่องอันน่าติดตาม ทำให้เกมนี้กลายเป็นอีกหนึ่งเกมแนว FPS ที่ได้รับการยกย่องและสมควรแก่การเล่น โดยเฉพาะ Metro 2033 Redux ที่นำภาคเก่ามาปรับกราฟฟิกใหม่ และการ Optimize อันยอดเยี่ยม ทั้งเสียงพากย์ แสงเงา ยิ่งทำให้ผู้เล่นอินไปกับเกมได้  

undefined

  จริงๆ แล้วตัวเกมได้รับการดัดแปลงมาจาก Metro 2033 นิยายขึ้นชื่อของประเทศรัฐเซีย แต่งโดย Dmitry Glukhovsky ซึ่งตัวเกมได้สืบสานความต้องการและซื่อตรงต่องผู้แต่งได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งสังคมใต้ดิน และบรรยากาศภายในที่อึมครึม ไร้สีสัน พร้อมเล่าเรื่องราวภารกิจเสี่ยงชีวิตของ Arytom ที่ผู้อ่าน(และผู้เล่น) จะได้รับความสนุก ความตื่นเต้น พร้อมกับจินตนาการโลกอนาคตที่ผู้เขียนได้รังสรรไว้อย่างเต็มอิ่ม 

____________________________________

Parasite Eve

undefined

   หากพูดถึงเกมญี่ปุ่นที่ Square Enix เคยรังสรรค์ไว้ และหลายคนอยากให้ทำภาคต่อมากที่สุดเกมหนึ่ง Parasite Eve คืออีกหนึ่งผลงานที่ดูเหมือนทางค่ายจะลืมเลือนเกมซีรีส์นี้ไปซะอย่างนั้น ทั้งๆ ช่วงที่เกมออกวางจำหน่าย (1998) บนเครื่อง PlayStation เป็นเกมที่โชว์ศักยภาพของเครื่องเล่นได้ดีถูกพูดถึงพอสมควร (โดยเฉพาะฉากอาบน้ำ) แถมเนื้อเรื่องยังออกมาในแนว Sci-fi ที่มีจริตความเป็นญี่ปุ่นสูงมาก ค่อนข้างซับซ้อน และยากต่อความเข้าใจ 

undefined

   ตัวเกมได้ดัดแปลงมาจากวรรณกรรมญี่ปุ่นชื่อเดียวกัน ของ Hideki Sena ตีพิพม์ครั้งแรกในปี 1995 และทำออกมาถูกใจค่ายเกมดังอย่าง Square Soft (ชื่อเก่าของ Square Enix) โดย อ. Hideki Sena ก็ออกโรงปลื้มใจเกมของทางค่ายอย่างมาก นอกจานี้ฉบับนิยายถูกดัดแปลงเป็น Live Action และ Manga อีกด้วย

____________________________________

S.T.A.L.K.E.R.: Shadow of Chernobyl

   เกมซีรีส์น้ำดีจากค่าย  GSC Game World กับโลกที่มีฉากหลังของนิวเครียร์ Chernobyl ได้เกิดระเบิดสร้างความเสียหายให้กับสภาพแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตโดยรอบ ออกแบบเกมให้เล่นในมุมมอง FPS ซึ่งทำให้ผู้เล่นได้รับความรู้สึกราวกับได้อยู่ในสถานที่จริงในเหตุการณ์ดังกล่าว โดยเกมได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวก โดยเฉพาะรูปแบบการเล่นถึงแม้จะมาในแนว FPS แต่ระบบการเล่นนั้นออกไปทางเกม RPG มีภารกิจให้ผู้เล่นได้ติดตาม ทั้ง Side-Quest, Secondary-Quest และเปิดให้ผู้เล่นได้ออกสำรวจพื้นที่ตามอิสระ ซึ่งแต่ละพื้นที่อาจมีรังสีแผ่อยู่ ดังนั้นการเตรียมตัวให้รอบคอบคือสิ่งที่ควรทำก่อนออกทำภารกิจใดๆ ในเกมนี้

undefined

   จริงๆแล้ว S.T.A.L.K.E.R.: Shadow of Chernobyl ได้รับแรงบันดาลใจอย่างแรงกล้ามาจากนิยายคลาสิคของรัสเซีย เรื่อง Roadside Picnic จากผลงานของสองพี่น้อง Arkady และ Boris Strugatsky ซึ่งเป็นนิยายแนว Sci-fi, Thriller กับโลกหลัง Chernobyl ระเบิด กับเรื่องราวของเด็กหนุ่มผู้หนึ่งเจอเรื่องไม่คาดฝัน โดยไอเดียที่ตัวเกมได้รับคือระบบนิเวศและพื้นที่ที่ถูกเรียกว่า Zone ตามในเกมนั่นเอง
____________________________________
Assassin's Creed Series
undefined
   เกมที่ครองตำแหน่งขายดีที่สุดของค่าย Ubisoft กับซีรีส์ที่มีอายุนานถึง 10 ปี Assassin's Creed เกมที่เหล่าเรื่องสงครามระหว่างนักฆ่าและ Templar พร้อมการไล่ล่าของปัจจุบันและอดีตผ่านเครื่องที่เรียกว่า Anonymous ด้วยพล็อตเรื่อง Sci-fi ผสมผสานประวัติศาสตร์ทำให้ซีรีส์ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า และทำให้ Ubisoft ขนภาคใหม่มาเกือบทุกปี

undefined
  Alamut วรรณกรรมคลาสสิคของประเทส Slovenia จากผู้แต่ง Vladimir Bartol ตีพิพม์ครั้งแรกในปี  1938 เป็นเรื่องราวในยุคคริตศตวรรษที่ 11 ของชายนามว่า Hassan-i Sabbah ชาวเปอเซียน ที่เริ่มก่อตั้งชุมชนเล็กๆ ของตนเอง แล้วฝึกฝนให้เป็น Hashshashin (นักฆ่า) โดยมีคติที่ใช้ภายในกลุ่มว่า "Nothing is an absolute reality, all is permitted." เชื่อว่าผู้เล่นที่ชื่นชอบ Assassin's Creed จะต้องจำได้กับวลีดังกล่าว ที่กล่าวโดย Ezio เป็นแน่แท้ ที่พูดไว้อย่างคล้ายคลึงกัน "Nothing is true, everything is permitted." แปลไทยได้ว่า  "ไม่มีสิ่งใดจริงแท้ ทุกสิ่งถูกยอมรับได้" วลีที่สอดแทรกกับเนื้อเรื่องอิงประวัติศาสตร์สะท้อนมุมมองที่ดีมากกับการเรียนรู้เรื่องราวนั้นๆ ว่าสิ่งที่เราได้เรียนมาจากหนังสือว่าเรื่องราวนั้นเราได้เรียนรู้นั้นมีความเป็นจริงมากน้อยเพียงใด มนุษย์นั้นเชื่อเพราะสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ตนอยากเชื่อแค่นั้นเองเท่านั้นเอง
____________________________________
undefined
undefined
undefined
undefined

กำลังโหลด...