Mobius Final Fantasy เกมชื่อดังจากเวอร์ชั่นมือถือของค่าย Square Enix ที่หลายๆคนเคยเล่นกันมาแล้ว และเมื่อไม่นานมานี้ได้ทำการเปิดวางจำหน่ายกันในรูปแบบเกม PC ซึ่งสามารถเล่นได้บน Steam ในวันนี้เราจึงได้ทำการรวบรวมข้อมูลระบบการเล่นเกมขั้นพื้นฐานมาอยู่ในบทความนี้สำหรับผู้เล่นใหม่ที่ควรรู้ หรือบางท่านอาจจะพอทราบแล้วแต่ยังไม่กระจ่างลองอ่านลองชมด้านล่างนี้ได้เลย
Interface ภายในเกม Mobius Final Fantasy มี Interface ที่เรียบง่ายไม่ยุ่งยากและยังคงความเป็นเกมแนว Turn-Based Combat อยู่ถึงแม้จะทำให้ดูเหมือนเป็นเกมแนว Action มากกว่าเดิมแล้วก็ตาม โดยหลักๆในการเล่นนี้มีสิ่งสำคัญที่ควรสังเกตุ 4 อย่างดังนี้
- จำนวนการโจมตีต่อครั้ง
- คือจำนวนที่เราสามารถโจมตีศัตรูได้ภายรอบหรือ Turn ซึ่งจะแสดงจำนวนการโจมตีอยู่ว่าสามารถโจมตีได้ภายในรอบนั้นๆได้จำนวนกี่ครั้ง คุณสามารถวางแผนการโจมตีได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนตัวเลขนี้ ซึ่งจำนวนตัวเลขจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับอาชีพของตัวละคร
- Ability
- หากพูดง่ายๆมันก็คล้ายๆกับสกิลของเรานี่แหละ ในการใช้ Ability นี้จำเป็นต้องมี Element orbs ให้เพียงพอต่อการใช้งาน ภายในรูปจะเห็นจำนวนขีดที่แสดงถึงจำนวน Element orbs ที่เราต้องเก็บเพื่อเรียกใช้งานอยู่ และจะต้องเก็บ Element orbs ให้ตรงตามธาตุของแต่ละ Ability ซึ่งธาตุในเกมช่วงเริ่มเล่นจะมีอยู่ด้วยกัน 5 ธาตุคือ Fire ธาตุไฟสีแดง, Water ธาตุน้ำสีฟ้า, Wind ธาตุลมสีเขียว, Earth ธาตุดินสีน้ำตาล และ Life สกิลซัพพอร์ตสีม่วง ซึ่งภายหลังจะมีเสริมให้อีก 2 ธาตุคือ Light ธาตุแสงสีขาว และ Dark ธาตุมืดสีดำ ภายในเกมจะมี Ability Card ให้เลือกใช้มากมาย สามารถเลือกเล่นได้ให้ตรงกับสไตล์การเล่นของคุณเอง
- Element orbs
- เมื่อเราโจมตีศัตรูด้วย Basic Attack หรือการโจมตีปกติสำเร็จเราจะได้รับ Element orbs สามารถนำไปเรียกใช้ Ability ที่เราจัดไว้ได้ ซึ่งจะการที่จะได้รับธาตุอะไรนั้นขึ้นอยู่กับอาชีพของแต่ละอาชีพ อย่างเช่นภายในรูปเป็นอาชีพ White mage เมื่อโจมตีปกติจะได้รับ Element orbs ธาตุ Fire, Water, และ Earth 3 ธาตุนี้เท่านั้น ส่วน Life orb จะได้รับเหมือนกันทุกอาชีพ และจำนวนของ Element orbs จะได้รับมากหรือน้อยนี้ขึ้นอยู่กับไอเทมอาวุธที่ใช้บางอย่างช่วยให้ได้ Element orbs และ Passive Skill ของแต่ละอาชีพ ช่วยให้ได้รับ Element orbs ตอนเริ่มเกมมากกว่าปกติ
- ธาตุของศัตรู
- ศัตรูแต่ละตัวนี้จะมีธาตุที่แตกต่างกัน เราจึงจำเป็นต้องเลือกใช้งาน Ability และสายอาชีพให้ถูกต้องเพื่อให้การผ่านด่านแต่ละด่านหรือการกำจัดบอสแต่ละตัวให้ง่ายขึ้น เพราะแต่ละธาตุสามารถแพ้ทางอีกธาตุได้ ตัวอย่างของการแพ้ทางธาตุภายในเกมนี้คือ Fire > Water > Fire และ Wind > Earth > Wind เป็นธาตุที่แพ้ทางด้วยกันเอง เมื่อเราโจมตีด้วยธาตุที่แพ้ทางนั้นจะทำให้เราโจมตีได้รุนแรงมากกว่าปกติ แต่หากเราโจมตีด้วยธาตุเดียวกันก็จะเป็นผลตรงกันข้ามคือโจมตีได้เบากว่าปกติ หรือมีผลทำให้ฮีลศัตรูไปแทนซะอย่างนั้น
- HP gauge คือค่าพลังชีวิตและเป็นหัวใจหลักในมีชีวิตของมอนเตอร์ เมื่อมันหมดนั่นก็หมายถึงความตาย แต่การที่จะลดค่าพลังชีวิตนั้นยากนักหากยังมีค่า Break gauge คงอยู่
- Break gauge เป็นเกจพิเศษซึ่งมันทำหน้าที่คล้ายๆกลับชุดเกราะ โดยเราจะต้องทำลายชุดเกราะนี้ก่อนจึงจะฆ่ามอนเตอร์ โดยเฉพาะพวกบอส หากโจมตีไปโดยไม่ Break สู้ยากแน่นอน ซึ่งภายใน Break gauge นี้จะแบ่งเป็น 2 ชั้นและจะใช้วิธีการทำลายแตกต่างกันคือ
- ชั้นแรกจะต้องใช้ Ability ธาตุต่างๆที่ไม่ใช่ธาตุเดียวกับมอนเตอร์ในการโจมตีเท่านั้นเพื่อลดค่า Break gauge
- ชั้นต่อไปต้องใช้ Basic Attack หรือการโจมตีปกติตีเข้าไปเท่านั้นเพื่อลดค่า Break gauge
- เมื่อ Break gauge หมดลงมอนเตอร์จะติดสถานะ Break เป็นเวลาตามจำนวนตัวเลขของแต่ละครั้งการโจมตี และได้รับความเสียหายมากกว่าปกติ ในช่วงเวลานี้ควรใช้ Ability ธาตุที่มอนเตอร์แพ้ทางจะได้รับค่าความเสียหายอย่างมาก
- Element Drive สำหรับ Heal : ในส่วนนี้เราจะต้องมี Life Orb หรือลูกกลมๆรูปหัวใจสีม่วงๆซึ่งเมื่อเราเลือกใช้โดยเลื่อนไปที่ Life Orb นี้จะมีผลทำให้ Life Orb ของเราที่มีทั้งหมดถูกใช้ไปฮีลตัวเอง ยิ่งมีเยอะ ยิ่งได้รับผลฮีลสูง
- Element Drive สำหรับป้องกันธาตุ : สามารถใช้ได้โดยวิธีเช่นเดียวกับการฮีล คือเลื่อนไปในทิศทางของ Element orbs ที่ต้องการจะเพิ่มค่าป้องกัน Resist ธาตุนั้นๆ มีผลทำให้เราโดนโจมตีจากธาตุของศัตรูลดลงเป็นเวลาตามจำนวนของค่า Element orbs ที่เสียไป ยิ่งใช้ Element orbs เยอะยิ่งได้จำนวนเกราะการป้องกันของแต่ละ Turn มากสูงสุดคือ 5 Turn หรือจะใช้เพื่อขจัด Element orbs ที่ไม่ต้องการให้ออกไปเพราะช่องเต็มก็ได้เช่นกัน
- Gauge ของสกิลอันติเมท : ในส่วนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ Element orbs ที่เรามี แต่เกี่ยวข้องกับ Element orbs ที่เราใช้ คือยิ่งเราใช้ Ability บ่อยหรือใช้ Element Drive บ่อยๆก็มีผลทำให้ค่า Gauge ของสกิลอันติเมทขึ้นเร็วขึ้น โดยวิธีการใช้สกิลอันติเมทนี้สามารถใช้ได้โดยการเลื่อน Element Drive ไปที่ส่วนของสกิลอันติเมทเมื่อค่า Gauge เต็ม โดยสกิลอันติเมทของแต่ละอาชีพนั้นจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับผู้เล่นที่จะเลือกใช้งาน
- Defense Mode : หากเลือกเปิดโหมดนี้จะทำให้ตัวละครของเราเน้นการตั้งรับมากกว่าการโจมตี และจะไม่เปิดใช้สกิลอันติเมทเองในโหมดนี้ ตัวละครของเราจะฮีลตัวเองบ่อยครั้งทำให้ไม่ตายง่ายๆแต่จะกินเวลาในการต่อสู้นาน
- Attack Mode : หากเลือกเปิดโหมดนี้จะทำให้ตัวละครของเราเน้นไปในการโจมตีมากกว่าป้องกัน คือจะใช้ Ability แทบทุกอย่างที่มีเพื่อกำจัดศัตรูให้เร็วที่สุดรวมถึงสกิลอันติเมทด้วย แต่จะใช้สกิลที่ฮีลตัวเองน้อยอาจทำให้ตายได้ในบางครั้ง
- Ultimate Button : ปุ่มเปิด-ปิดการใช้งานระหว่างเปิด Auto Attack เมื่อปิดการใช้งานปุ่มนี้ ตัวละครจะไม่ใช้สกิลอันติเมทถึงแม้ว่าจะเป็น Attack Mode ก็ตาม
- Prioritize Locked Extra Skills Button : ปุ่มเปิด-ปิดการใช้งานการลำดับความสำคัญของ Ability และ Extra Skills ให้เหมาะสมกับสถานการณ์
- ระบบเลเวล ระบบเลเวลนี้ขึ้นอยู่กับเซ็ตการ์ดที่ใส่ ยิ่งมีการ์ดเลเวลสูงๆใส่รวมกันก็จะเป็นตัวบอกเลเวลของตัวละครเราว่าแข็งแกร่งแค่ไหน ซึ่งการอัพเลเวลการ์ดนี้หลักๆก็คือนำไปใช้ในการต่อสู้บ่อยๆเพื่อเก็บเลเวลก็ได้ หรือนำไปฟิวชั่นกับการ์ดใบอื่นเพื่อเอา EXP ก็ได้เช่นกัน
- ระบบการอัพสกิล ระบบนี้คือการอัพ Passive Skill ของอาชีพนั้นๆ และรวมถึงการเปลี่ยนคลาสใหม่กับการอัพเกรดอาวุธที่ใช้อยู่ด้วยซึ่งจะใช้ Skillseeds ในการอัพเกรด สามารถหาได้จากการจบการต่อสู้แต่ละด่านๆ จะได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความยากของด่านนั้นๆ ยิ่งระดับยากยิ่งได้ค่าตอบแทนสูงและเรายังสามารถตั้งค่า Skillseeds ที่เราต้องการได้เช่นกัน มันจะขึ้นอยู่กับการ์ดที่ใช้แต่ละใบมารวมๆกันเป็นค่า Skillseeds Created by Deck